ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (14 ส.ค.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,300.59 จุด บวก 2.67 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.21% มูลค่าการซื้อขาย 899.29 ล้านบาท
บล.กสิกรไทย ประเมิน SET วันนี้ ดัชนีคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,290 - 1,330 จุด รอลุ้นศาล รธน.ตัดสินคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกฯ วันนี้ช่วงเวลา 15.00 น. มองออกได้ 2 กรณีคือ 1. นายกฯ อยู่ต่อ 2. นายกฯ ถูกถอดถอน
1.กรณีศาลตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ยังคงความเป็นนายกรัฐมนตรีมองฉากทัศน์ของประเด็นการเมืองจะมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้นส่งผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์การลงทุนอาจสามารถปรับหุ้นในพอร์ตรับความเสี่ยงมากขึ้น (risk-on mode) เช่น CPALL CPAXT DELTA PTT MTC
2.กรณีศาลตัดสินให้ นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน หากสามารถเลือกนายกฯคนใหม่ได้เร็วและยังมาจากพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าผลกระทบเชิงลบจะจำกัดเนื่องจากนโยบายและมาตรการต่างๆ จะยังมีความต่อเนื่อง การปรับตัวลงของดัชนีและหุ้นในตลาดอาจเป็นการปรับลงในระยะสั้นและฟื้นตัวกลับได้
กลยุทธ์ลงทุนอาจเน้นหุ้นผลประกอบการดีโตทั้ง QoQ และ YoY (selectivemode) เชื่อราคาหุ้นจะมีเสถียรภาพมากกว่าหรือฟื้นตัวได้เร็ว แต่หากใช้เวลาเปลี่ยนผ่านนายกฯ นานหรือมาจากพรรคอื่น ตลาดอาจมีความกังวลถึงนโยบายต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหรือต้องใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
กลยุทธ์การลงทุนอาจต้องเน้นหุ้นตั้งรับ (risk-off mode) ในกลุ่มโรงพยาบาลสื่อสารและโรงไฟฟ้าเช่น BDMS BH INTUCH ADVANC GULF
หุ้นเด่นน่าลงทุนวันนี้
BEM: ราคาพื้นฐานที่ 10.33 บาท บริษัทรายงานกำไร Q2/67 ที่ 1 พันลบ. เติบโตสูง 18% QoQ และ 11% YoY โดยกำไรที่รายงานออกมาถือเป็นการแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท จากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมถึงรายได้เงินปันผลจาก CKP และ TTW มองไป Q3/67 คาดว่าโตต่อและจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีก ทำให้เรามองมีโอกาสที่เราอาจต้องปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ที่เรามองไว้ขึ้นเพื่อสะท้อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1H24 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลประกอบการครึ่งหลังของปีมักดีกว่าครึ่งแรก
PRM: ราคาพื้นฐาน 9.25 บาท บริษัทรายงานผลประกอบการ Q2/67 ที่ 639 ลบ. เติบโตแรง 19% QoQ และ 27% YoY โดยกำไรรายงานออกมาดีกว่าที่เราคาด 8% และสูงกว่าที่ตลาดประเมิน 13% ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาสนี้ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ขับเคลื่อนจากรายได้ที่เติบโตได้ดีกว่าคาด โดยขยายตัวได้ทั้ง QoQ และ YoY ทั้งที่ Q2 มักเป็นช่วง low season ของธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี อีกทั้งอัตราการใช้เรือ FSU ไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 84% เพิ่มขึ้นจาก 52% 68% และ 71% ในไตรมาส 3/2566-1/2567
ข่าวเด่น