ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (27 ส.ค.67) บวก 9.98 จุด จับตาผลประกอบการ Nvidia ชี้ทิศทางตลาด


 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (27 ส.ค.67) ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,250.50 จุด เพิ่มขึ้น 9.98 จุด หรือ +0.02%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,625.80 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด หรือ +0.16% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,754.82 จุด เพิ่มขึ้น 29.05 จุด หรือ +0.16%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.63% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น 0.48% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.93% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.74%

หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.5% และเป็นหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ราคาหุ้นอินวิเดียทะยานขึ้นถึง 159% และถูกมองว่าเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากกระแสการตอบรับเทคโนโลยี AI

อินวิเดียเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า ความต้องการหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) AI ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ เช่น ไมโครซอฟท์ (Micorsoft), กูเกิล (Google), อะเมซอน (Amazon), ออราเคิล (Oracle) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ยังคงซื้อชิปจากอินวิเดียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลและให้บริการระบบคลาวด์ของตน

รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์บริษัท Baird กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปในลักษณะหมุนเวียนการลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ด้วยเหตุนี้ ผลประกอบการของอินวิเดียจึงถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางใหม่ในตลาด

หุ้นพาราเมาท์ โกลบอล (Paramount Global) ซึ่งเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลงกว่า 7% หลังจากเอ็ดการ์ บรอนฟ์แมน จูเนียร์ นักธุรกิจชื่อดังชาวอเมริกันได้ตัดสินใจยกเลิกการเสนอซื้อกิจการพาราเมาท์ โกลบอล ซึ่งจะเปิดทางให้บริษัทสกายแดนซ์ มีเดีย (Skydance Media) เข้าครอบครองกิจการสื่อยักษ์ใหญ่รายนี้

หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 1.9% หลังจากรัฐบาลแคนาดาประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในอัตรา 100% โดยมาตรการภาษีดังกล่าวจะบังคับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันที่ส่งมาจากประเทศจีน ซึ่งรวมถึงรถที่ผลิตโดยเทสลาด้วย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 101.9 ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน หลังจากอัตราว่างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% เช่นกันในเดือนมิ.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย.


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ส.ค. 2567 เวลา : 10:36:31

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:13 pm