ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (5 ก.ย.67) เวลา 9.58 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,372.54 จุด บวก 7.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,532.08 ล้านบาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET วันนี้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้าน 1370-1372 จุด จากปัจจัยหนุนความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ขณะที่มองเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า ทำให้มีโอกาส fund flow ไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง ช่วยหนุนดัชนี ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่าน 1372 จุด จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1355-1360 จุด คาดยังรองรับได้
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 บวกกับ มอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทและเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปีโตรเคมี สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาดดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กลยุทธการลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะ Sideway Up จากคาดหวังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP CBG
2) นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุนระยะสั้น แนะนำหุ้นปันผลคุณภาพดีที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H67 โดยให้ Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป แนะนำ HTC BCP BBL
3) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF)
4) หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM
หุ้น TOP PICKS วันนี้
- CPALL มองกำไร 2H67 จะเติบโต YoY เด่นสุดในกลุ่มฯ จากการเติบโตที่แข็งแกร่งจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT นอกจากนี้ CPALL ยังเป็นอีกหุ้นที่คาดได้รับประโยชน์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมาของรัฐบาลใหม่ (ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของเรา)
- GPSC มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield และราคาก๊าซที่ปรับตัวลง ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 4.58 พันลบ. เติบโต 33.8%YoY และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16.3%YoY ในปี 2568 ปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังมีกำลังการผลิตติดตั้งที่สูงขึ้นในอินเดียและไต้หวัน
ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม
1. นายกรัฐมนตรีเตรียมนำครม. ใหม่ถวายสัตย์ 6 ก.ย. และจะประชุมครม. นัดพิเศษ 7 ก.ย. ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ เผยร่างนโยบายระยะเร่งด่วนเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิทัลวอลเล็ต ยกระดับราคาสินค้าเกษตร เตรียมงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนลบ.
2. กกร. ขยับเป้าการส่งออกปีนี้เพิ่มเป็น 1.5-2.5% แต่คงเป้า GDP ที่ 2.2-2.7% ชี้น้ำท่วมในช่วงส.ค.-ต้น ก.ย. 67 เสียหายไปแล้ว 6-8 พันลบ. หรือ 0.03-0.04% ของ GDP ภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด
3. ธปท. เปิดรายงานการประชุม กนง. เผยอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันสอดคล้องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รับเห็นสัญญาณสินเชื่อด้อยคุณภาพเริ่มกระจายจากครัวเรือนรายได้น้อยสู่กลุ่มรายได้สูง หนุนมาตรการค้ำประกันและปรับโครงการหนี้อุ้ม SMEs
4. Reuters รายงานว่า OPEC+ กำลังพิจารณาเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตที่จะเริ่มในเดือนต.ค. ออกไป เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หลังตลาดน้ำมันเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนแอและอุปทานที่ผันผวน
5. สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานใหม่ก.ค. โดย JOLTS ปรับลง เหลือ 7.67 ล้านตำแหน่ง ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ม.ค. 64 บ่งชี้ว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง และอาจเป็นแรงผลักดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
6. ประธานเฟดแอตแลนตาเห็นว่าเฟดไม่ควรตรึงดอกเบี้ยสูงนานเกินไป เพราะมีความเสี่ยงทำให้การจ้างงานได้รับความเสียหาย และการรอให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายที่ 2% ก่อนที่จะปรับลดดอกเบี้ยมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตลาดแรงงานเผชิญกับภาวะชะงักงัน
ข่าวเด่น