ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (9 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,829.59 จุด เพิ่มขึ้น 484.18 จุด หรือ +1.20%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,471.05 จุด เพิ่มขึ้น 62.63 จุด หรือ +1.16% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,884.60 จุด เพิ่มขึ้น 193.77 จุด หรือ +1.16% โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังตลาดดิ่งลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทึ่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 27% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
เจฟฟรีย์ โรเซนเบิร์ก นักวิเคราะห์บริษัท BlackRock กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนมีมุมมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ถือเป็นระดับที่เหมาะสม เพราะหากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ อาจจะสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.63% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น 1.56%
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากโบอิ้งบรรลุข้อตกลงกับสหภาพแรงงานซึ่งเป็นตัวแทนพนักงานกว่า 32,000 คนในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการผละงานประท้วงของพนักงาน
บริษัทแอปเปิ้ล (Apple) ประกาศเปิดตัว iPhone 16 Series จำนวน 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ในงานอีเวนต์ “It’s Glowtime” เมื่อวานนี้ โดย iPhone 16 Series ทุกรุ่นมาพร้อมกับชิป A18 และมี RAM อย่างน้อย 8GB เพื่อรองรับระบบ Apple Intelligence
อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิ้ลปิดตลาดขยับขึ้นเพียง 0.04% หลังจากที่ร่วงลงเกือบ 2% ในระหว่างวัน
นอกเหนือข้อมูลเงินเฟ้อแล้ว นักลงทุนยังรอดูการประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบต ระหว่างคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ คู่ชิงจากพรรครีพับลิกัน ในเวลา 21.00 น. ของวันที่อังคารที่ 10 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 08.00 น. ของวันพุธที่ 11 ก.ย. ตามเวลาไทย โดยการดีเบตครั้งแรกนี้จัดโดยสถานีโทรทัศน์เอบีซี ซึ่งคาดว่าหัวข้อการดีเบตจะครอบคลุมถึงประเด็นเศรษฐกิจและการย้ายถิ่นฐาน
โพลสำรวจซึ่งจัดทำโดย The New York Times ระบุว่า ขณะนี้ทรัมป์มีคะแนนนิยมนำหน้าแฮร์ริสเพียง 1% ก่อนที่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้
ข่าวเด่น