ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำมีความผันผวนค่อนข้างมาก ในช่วงการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ โดย Core CPI m/m ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ ขณะที่ CPI m/m และ CPI y/y ออกมาใกล้เคียงจากที่คาดการณ์ ท่ามกลางตลาดยังคงคาดการณ์ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 85% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ทำให้ราคาทองคำบางช่วงดิ่งลงมาอยู่ที่ระดับ 2,500 เหรียญ ก่อนจะดีดกลับขึ้นไปได้ในช่วงปลายตลาดและปิดที่ระดับ 2,512 เหรียญ โดยเช้านี้ราคาทองคำเปิดที่ระดับ 2,513 เหรียญ ภาพรวมตลาดยังคงรอตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Core PPI m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ขณะที่ PPI m/m และ Unemployment Claims คาดการณ์ว่าจะออกมาใกล้เคียงเดิม ด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 101.66 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 101.27-101.82 จุด และปิดที่ระดับ 101.72 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 101.75 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเข้า 1.72 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 866.18 ตัน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways โดยมีแนวรับที่ระดับ 2,500 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,520 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,510 เหรียญ และแนวต้าน 2,530 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,530 เหรียญ และแนวต้าน 2,550 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 39,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 40,300 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series V24 จะมีแนวรับที่ระดับ 40,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 40,700 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังเน้นเทรดระยะสั้น เก็งกำไรในกรอบลงซื้อขึ้นขาย รอดูความชัดเจนของทิศทาง ระวังความผันผวนของราคา
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน ติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss
ข่าวเด่น