ทิศทางราคาทองคำ
ภาพราคาทองคำโลกทรงตัว แตะระดับสูงที่บริเวณ 2,580 เหรียญ สะท้อนความคาดหวังของตลาดที่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในคืนวันพุธนี้ ด้านราคาทองคำไทยปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางของตลาดโลก โดยขยับขึ้นมาที่ 40,680 บาท เนื่องจากค่าเงินบาทเริ่มกลับมาทรงตัว บริเวณ 33.30 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์ หลุดระดับ 101 จุด ลงมาที่ 100.6 จุด ซึ่งอ่อนค่าต่อเนื่อง จากแรงกดดันที่คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในคืนนี้คาดว่าจะชอลอตัวลง โดยมีดังนี้ Core Retail Sales m/m ลดลงที่ 0.2% จากเดิม 0.4% และ Retail Sales m/m ที่ลดลง -0.2% จากเดิม 1% ในขณะที่กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.72 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 872.23 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ซื้อสุทธิ 9.49 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 6.88 ตัน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิคราคาทองคำในระยะสั้นยังคงเคลื่อนตัวในกรอบ Sideway up แนะนำรอจังหวะย่อตัวของราคาในการทยอยซื้อ และระมัดระวังแรงเทขายทำกำไร โดยคาดว่าวันนี้มีกรอบแนวรับ ที่ 2,570 เหรียญ และมีแนวต้านที่ 2,600 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,575 เหรียญ และแนวต้าน 2,605 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,575 เหรียญ และแนวต้าน 2,605 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,400 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 40,900 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series V24 จะมีแนวรับที่ระดับ 40,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 41,150 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แบ่งปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไรบางส่วน ยังเน้นเทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น และปิดทำกำไรตามรอบ เน้นเทรดระยะสั้นลง ระวังเเรงเทขายทำกำไร
นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
-นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น