ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (18 ก.ย.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,437.69 จุด บวก 2.59 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.18% มูลค่าการซื้อขาย 1,072.03 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดดัชนี SET มีอัตราเร่งลดลง และคาดวันนี้จะเคลื่อนไหวโดยแกว่งในกรอบ โดยมีกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1,430 จุด และ 1,420 จุด ตามลําดับ เป็นจุดรองรับ ขณะที่กรอบบนในระยะสั้นถูกจํากัดบริเวณแนวต้าน 1,445 จุด และ 1,450 จุด ตามลําดับ เนื่องจากนักลงทุนในตลาดรอผลประชุมเฟดเพื่อติดตามอัตราการลดดอกเบี้ย และประเมินผลต่อทิศทางตลาด
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
1.สคร.ประชุมคณะกรรมการบริหารและพัฒนาหลักทรัพย์ของรัฐเพื่อเตรียมแนวทางบริหารหลักทรัพย์ (หุ้น) ที่คลังถืออยู่ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้การบริหารพอร์ตหุ้นมีมูลค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะกําหนดแนวทางที่ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์นี้
2.ครม.อนุมัติกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท 14.5 ล้านคน ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-บัตรคนพิการ รวม 1.4 แสนล้านบาท ดัน GDP ปีนี้ 0.35% พร้อมตั้งบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาแผนเศรษฐกิจปลายปี โดยคาดนายกฯจะแต่งตั้งได้ภายในสัปดาห์นี้
3.รมว.การท่องเที่ยวฯ เผยจํานวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.ย. 67 มี 24.8 ล้านคน สร้างรายได้ราว 1.16 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, มาเลเซีย, อินเดีย, เกาหลีใต้ และรัสเซีย
4.รมว.การท่องเที่ยวฯ มีแนวคิดฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันหรือคนละครึ่งอีกครั้ง เพื่อเป็นมาตรการส่งเสริมตลาดไทยเที่ยวไทย เพราะสามารถกระตุ้นการจับจ่ายและสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการทุกระดับ
5.รมว.อุตสาหกรรมเผยมีนโยบายการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม SMEs สําหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก เพื่อช่วยลดต้นทุนและสามารถส่งต่อวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมได้
6.อิทธิพลของเฮอริเคนฟรานซีน ทําให้การผลิตน้ำมันดิบกว่า 12% และการผลิตก๊าซธรรมชาติ 16% ในอ่าวเม็กซิโกยังคงถูกระงับ
7.สหรัฐเผยยอดค้าปลีก ส.ค. ปรับขึ้น 0.1% MOM สวนทางตลาดคาดจะลดลง 0.2% MOM ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง ตลอดช่วงไตรมาส 3/67 ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐ เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% MOM สูงกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% MOM
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงของการพักตัว และมี Upside จํากัด แต่อาจมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้
อย่างไรก็ดี ต้องจับตาความแตกต่างด้านการดําเนินนโยบายของ BOJ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Yen Carry Trade ที่อาจกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ ท่ามกลางกระแสเงินในตลาด EM ที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า
ข่าวเด่น