ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (18 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 41,503.10 จุด ลดลง 103.08 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,618.26 จุด ลดลง 16.32 จุด หรือ -0.29% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,573.30 จุด ลดลง 54.76 จุด หรือ -0.31% เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ในแถลงการณ์เฟดระบุ คณะกรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน และขณะนี้เฟดมุ่งเน้นไปที่การรักษาภาวะตลาดแรงงานให้ยังคงแข็งแกร่ง
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง พร้อมกับกล่าวว่า เขายังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ในช่วงแรก ตลาดพุ่งขึ้นขานรับผลการประชุมเฟด โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวัน ก่อนที่ดัชนีจะลดช่วงบวกและปิดตลาดในแดนลบ
ทั้งนี้ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา การคาดการณ์เกี่ยวกับขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้เป็นไปอย่างผันผวน และหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. โดยให้น้ำหนักราว 35% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคลดลง 0.77% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวง 0.51% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 0.25%
ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำและเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาลง ทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูง โดยดัชนีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.44% ในระหว่างวัน ก่อนที่จะลดช่วงบวกและปิดตลาดขยับขึ้น 0.04%
ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค (KBW Regional Bank Index) ซึ่งเคยถูกกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงในช่วงที่ผ่านมานั้น ทะยานขึ้น 3.53% ในระหว่างวัน ก่อนที่จะลดช่วงบวกและปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.46%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อคืนนี้ ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 9.6% สู่ระดับ 1.36 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 ล้านยูนิต จากระดับ 1.24 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ข่าวเด่น