ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (23 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 42,124.65 จุด เพิ่มขึ้น 61.29 จุด หรือ +0.15% เช่นเดียวกับ ดัชนี S&P500 ทำนิวไฮ ปิดที่ 5,718.57 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด หรือ +0.28% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,974.27 จุด เพิ่มขึ้น 25.95 จุด หรือ +0.14% หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. และเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนสนับสนุนให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าในการประชุมเดือนพ.ย.นี้ เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ปรับลดในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ก.ย. หลังจากคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะมีการเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้ อาจจะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.31% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.30% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.25% และ 0.15% ตามลำดับ
หุ้น Tesla และหุ้น Meta Platforms ซึ่งเป็นหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้น 4.65% และ 0.6% ตามลำดับ หลังนักวิเคราะห์ของ Citigroup ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของทั้งสองบริษัท
หุ้น Intel พุ่งขึ้น 3.05% หลังสื่อรายงานว่าบริษัท Apollo เสนอการลงทุนในอินเทลซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป ด้วยจำนวนเงินมากถึง 5 พันล้านดอลลาร์
หุ้น General Motors (GM) ปรับตัวลง 1.72% หลังนักวิเคราะห์ของ Bernstein ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น GM ลงสู่ระดับ “Market Perform” จากระดับ “Outperform”
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ และรอฟังถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย.เวลา 09.20 น.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 20.20 น.ตามเวลาไทย
ข่าวเด่น