(225)(87).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ก.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 42,208.22 จุด เพิ่มขึ้น 83.57 จุด หรือ +0.20% เช่นเดียวกับ ดัชนี S&P500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 5,732.93 จุด เพิ่มขึ้น 14.36 จุด หรือ +0.25% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,074.52 จุด เพิ่มขึ้น 100.25 จุด หรือ +0.56% โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวรวมถึงการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50%, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (reverse repurchase rate) ระยะ 7 วันลงจากระดับ 1.7% สู่ระดับ 1.5%, ปรับลดเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง และจัดสรรเงินกู้ระยะยาวมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.4178 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หุ้นเหมืองทองแดงและลิเธียมพุ่งขึ้นขานรับข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหุ้น Freeport-McMoRan ทะยานขึ้น 7.93%, หุ้น Southern Copper พุ่งขึ้น 7.22%, หุ้น Albemarle เพิ่มขึ้น 1.97% และหุ้น Arcadium Lithium พุ่งขึ้น 3.2%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้น Alibaba พุ่งขึ้น 7.88%, หุ้น PDD Holdings ทะยานขึ้น 11.79% และหุ้น Li Auto พุ่งขึ้น 11.37%
หุ้นบริษัทผลิตชิปดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.9%,หุ้น Qualcomm บวก 0.54% และหุ้น Intel พุ่งขึ้น 1.11% ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 1.23%
หุ้น Visa ดิ่งลง 5.49% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบริษัท Visa ในข้อหาผูกขาดตลาดบัตรเดบิต โดยกระทรวงระบุว่า Visa ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครือข่ายชำระเงินรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่เป็นการต่อต้านการแข่งขันด้วยการสกัดกั้นคู่แข่งในตลาดบัตรเดบิต
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค.ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ข่าวเด่น