ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (27 ก.ย.67) เวลา 10.00 น. ดัชนีอยู่ที่ 1453.32 จุด ลบ 1.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,617.92 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET วันนี้ แม้ช่วงแรกได้ sentiment บวก จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ลดความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังมองดัชนีมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1465-1470 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1450 และ 1440 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลข PCE สหรัฐในคืนนี้
โดย ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up และเริ่มมี Upside จำกัด แรงหนุนจะมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง บวกกับความคาดหวังการออกนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนได้จาก Fund Flow ในเดือนก.ย. ที่ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะจีน ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective Buy
ทั้งนี้ มอง SET จะเคลื่อนไหว Sideway Up แต่เริ่มมี Upside จำกัดในช่วงสั้น ทั้งนี้คาดเม็ดเงินลงทุนไหลจะเข้าในกลุ่ม Defensive และหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective Buy ใน 4 ธีม ดังนี้
1.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AOT CRC AWC BCH BEM
2.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งสถิติปี 2553-2566 (เฉพาะปีที่เกิดน้ำท่วมในภาวะ La Nina ยกเว้นปี 2563 ซึ่งเผชิญวิกฤต COVID-19) พบว่าหากซื้อลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%
3.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรจากอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) อสังหาฯ (AP) ค้าปลีก (CPALL) โรงไฟฟ้า (GULF) REITS (LHHOTEL DIF)
4.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
1. กระทรวงการคลังพร้อมจะผลักดันมาตรการด้านภาษีและการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งใกล้เสร็จแล้ว คาดเสนอครม. เห็นชอบได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันในปี 2567
2. ม. หอการค้าไทยเผยผลสำรวจพฤติกรรมใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้คาดมีเงินสะพัด 4.5 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 1%YoY จากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย พร้อมคาดแจกเงินหมื่นดันเศรษฐกิจหมุน 3 รอบสะพัดแรง 4.5 แสนลบ. คาดหนุน GDP ปีนี้เติบโต 2.8%
3. รัฐบาลจีนประกาศแจกเงินสดแก่ประชาชนกลุ่มยากจนมาก 4.74 ล้านคน ใช้งบรวม 1.55 แสนล้านหยวน เฉลี่ยราว 3.2 หมื่นหยวนต่อคน ก่อนวันชาติจีน (1 ต.ค.) ต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
4. สศอ. ปรับประมาณการ MPI ปีนี้เป็น -1 ถึง 0% จากเดิมคาดจะขยายตัวราว 0 ถึง 1% และ GDP ภาคอุตสาหกรรม -0.5% ถึง 0.5% จากเดิมคาดจะขยายตัว 0.5 ถึง 1.5% จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
5. กกพ. เตรียมออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟสสอง ระยะที่ 1 รวม 2,180MW ภายในสิ้นเดือนก.ย. นี้ โดยให้สิทธิ์ผู้เข้าร่วมประมูลครั้งก่อนรวม 198 รายเข้าร่วมก่อน คาดจะรู้ผลผู้ถูกคัดเลือกภายในสิ้นปีนี้
6. สหรัฐฯ เผย GDP 2Q24 +3.0%QoQ เป็นไปตามคาด ส่วนจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ 2.18 แสน ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 2.24 แสน ตลาดคลายกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยและตลาดแรงงานอ่อนแอ
7. ซาอุดิฯ เตรียมเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันและละทิ้งเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอย่างไม่เป็นทางการที่ US$100/bbl เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ส่วน OPEC+ เตรียมเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนเดิมในเดือน ธ.ค. นี้
ข่าวเด่น