ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นไทยเปิด (1 ต.ค.67) บวก 2.38 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,451.21 จุด


ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (1 ต.ค.67) เวลา 10.00 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,451.21 จุด บวก 2.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,893.01 ล้านบาท

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุ SET ยังอยู่ในช่วงพักตัว และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ ทำให้ดัชนีมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1460 และ 1470 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนที่ปิดทำการในช่วง Golden  Week ทำให้มูลค่าซื้อขายลดลง และตลาดรอดูตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยหลังเทศกาล ทั้งนี้ ยังต้องระวังด้าน downside ของดัชนีอยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1440 และ 1435 จุด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัว Sideway Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง (คลังและธปท. จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้) และนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทคาดจะยังหนุนการไหลเข้าของ Fund Flow โดยประเมินว่าหาก SET จะปรับขึ้นได้แรง ต้องเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีก่อนหน้านี้คาดจะยังให้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐคาดจะยังชะลอตัวลง  ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ Selective Buy 

3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1.  หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO

2.  นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)

3.  นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%
ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรุนแรงใน 3Q67 มองจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนช่วงสั้น ได้แก่ TU GFPT CBG KCE ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำ AAV GULF GPSC BCP

หุ้น Top Picks 

AOT: 4QFY67 คาดกำไรปกติ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 14%YoY (จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 10%QoQ (จากรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ลดลง) และโมเมนตัมกำไรจะแข็งแกร่งขึ้น YoY และ QoQ ใน 1QFY68 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และยังมีปัจจัยบวกหนุนจากช่วง Golden Week ของจีน

BBL: เป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก valuation ในแง่ PBV/ROE น่าสนใจที่สุด และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ ขณะที่ 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 5%YoY และ 1%QoQ แรงหนุนจากการตั้งสำรอง (credit cost) ที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อและ non-NII (กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน) ยังมีการเติบโต 

ประเด็นที่ต้องจับตา
 
1. สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดต่อเนื่อง ล่าสุดอิสราเอลได้แจ้งต่อสหรัฐฯ ว่าจะเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินอย่างจำกัดต่อโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ตามแนวชายแดนของเลบานอนในไม่ช้า

2. ประธานเฟดเผยเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย 25bps จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็น 50bps ภายในสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจมีพัฒนาการตามคาดและเฟดจะไม่รีบร้อนดำเนินการ หลังมีข้อมูลใหม่ซึ่งทำให้เฟดเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

3. เกาหลีใต้เผยสต๊อกชิปคงคลังเดือนส.ค. ลดลง 42.6%YoY ซึ่งปรับตัวลดลงเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่การผลิตและการจัดส่งขยายตัวขึ้น 10.3% และ 16.1% สะท้อนชิปที่ใช้ใน AI ยังคงเป็นที่ต้องการ

4. ธปท. รับเข้าดูแลเงินบาทหลังแข็งค่าเร็วและผันผวนแรงเทียบกับประเทศในภูมิภาคเพื่อลดผลกระทบ ดันทุนสำรองระหว่างประเทศสูงขึ้น ด้านเศรษฐกิจเดือนส.ค. ทรงตัว ขณะที่เศรษฐกิจข้างหน้าคาดฟื้นตัวได้ต่อจากแรงส่งท่องเที่ยว ด้านเอกชนรับห่วงสถานการณ์บาทแข็งหนัก  

5. Google ประกาศแผนลงทุนในไทย 3.6 หมื่นลบ. ภายในปี 2572 สร้างงาน 14,000 ตำแหน่ง เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.4 แสนลบ. พร้อมผลักดัน Data Center แห่งแรกในไทย เชื่อไทยเป็นศูนย์กลางที่รุ่งเรือง

6. สมาคมค้าปลีกไทยประเมินดิจิทัลวอลเล็ตกลุ่มเปราะบางจะใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเน้นการซื้อสินค้าผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าปลีก ในสัดส่วน 10-20% หรือคิดเป็น 1.4-2 หมื่นลบ. 

7. ททท. คาดช่วงวันหยุดในวันชาติจีน (1-7 ต.ค.) ชาวจีนจะเดินทางมาเที่ยวไทยราว 1.32-1.83 แสนคน เพิ่มขึ้น 57-144%YoY และสร้างรายได้ 3,710-5,180 ลบ. เพิ่มขึ้น 85% ของช่วงปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด

บันทึกโดย : วันที่ : 01 ต.ค. 2567 เวลา : 10:27:10

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:14 am