บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ ลุ้นจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นปัจจัยหนุนตลาด แนวรับ 1,440 จุด แนวต้าน 1,460 จุด กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่าประเมิน SET วันนี้แม้ได้รับ sentiment ลบ หลัง bond yield สหรัฐปรับขึ้น จากตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม ลุ้นจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นปัจจัยหนุนตลาด ทำให้ยังมองแนวรับบริเวณ 1,435-1,440 จุด ยังรองรับได้ และมีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,460 และ 1,470 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway โดยมี Upside จํากัด เนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ ธปท. และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง จึงทำให้ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก โดยคาดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
1.FETCO เผยผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมากที่ระดับ 175.6 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้าและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยฉุดคือ ความขัดแย้งระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางการเมือง
2.คลังเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติขายหุ้นใน-นอกตลาด เหลือ 20 บริษัท จาก 133 บริษัท คาดเหลือมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ไม่เกิน 5 พันล้านบาท จาก 4 หมื่นล้านบาท พร้อมขอความเห็น สตง. กรณีเสนอขายราคาต่ำกว่าทุนทำได้หรือไม่
3.นายกรัฐมนตรีประกาศ 4 วิสัยทัศน์พัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนให้ขยายตัว 4-5% ต่อปี ยกระดับเป็นเซฟโซนสำหรับนักลงทุนรองรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ พร้อมเสนอไทยเป็นสื่อกลางเจรจาสันติภาพ ด้าน รมว.คลัง ดันไทยเป็นศูนย์กลาง Data Center ของอาเซียน
4.กระทรวงพาณิชย์เผยน้ำท่วมดันเงินเฟ้อ ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.6%YoY ทำให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 9M67 เพิ่มขึ้น 0.2%YoY พร้อมปรับเป้าหมายเงินเฟ้อปีนี้เป็น 0.2-0.8% จากเดิม 0.0-1.0% แต่ยังมีค่ากลางเท่าเดิมที่ 0.5% เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจปัจจุบัน
5.ททท. คาด 4Q67 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตต่อเนื่อง แม้เหตุน้ำท่วมในไทยหลายแห่งอาจกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวลง แต่พบนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยในช่วงหยุดยาวสูงกว่าคาด
6.กพท. มีแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษในระยะ 10 ปี 11 โครงการ โดยเตรียมเสนอ 3 โครงการต่อ ครม. คือ งามวงศ์วาน-พญาไท, กะทู้-ป่าตอง ภูเก็ต และพิเศษฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ตะวันออก
7.นายกฯ ร่วมประชุมกับ 6 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดใหญ่เพื่อร่วมกันกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้า 40 ล้านคน
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET มี Upside จำกัดหลังขาดปัจจัยใหม่และมีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1.ธีม Earnings Play สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการหุ้นพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดมีโมเมนตัมเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE
2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
3.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไร ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
4.ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้าง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
ข่าวเด่น