ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ต.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 43,077.70 จุด เพิ่มขึ้น 337.28 จุด หรือ +0.79%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,842.47 จุด เพิ่มขึ้น 27.21 จุด หรือ +0.47% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,367.08 จุด เพิ่มขึ้น 51.49 จุด หรือ +0.28% โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มการเงิน ที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นนำตลาด บวก 1.2% โดยเฉพาะหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) พุ่งขึ้น 6.5% หลังเปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากรายได้ด้านวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ขณะที่ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคปรับตัวขึ้น 1.5% อาทิ หุ้นเฟิร์ส ฮอไรซอน (First Horizon) ซึ่งให้บริการด้านการเงิน พุ่งขึ้น 4.1% และหุ้นธนาคารยูเอส แบงคอร์ป (U.S. Bancorp) พุ่ง 4.7% หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่หุ้นขนาดเล็ก โดยมีการย้ายการลงทุนจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีราคาแพงไปยังกลุ่มที่มีราคาถูกกว่า
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง โดยหุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ลดลง 0.9% ขณะที่หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet), หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส (Meta Platforms) และหุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ปรับตัวลงระหว่าง 0.2%-1.6%
แต่หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 3.1% สวนทางหุ้นอื่น ๆ หลังจากร่วงลงเกือบ 5% ในวันอังคาร
หุ้น 4 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้แก่ กลุ่มการเงิน, กลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม
ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค พุ่ง 2% และดัชนีหุ้นกลุ่มการขนส่งที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ พุ่งขึ้น 1.9% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (United Airlines) ซึ่งทะยานขึ้น 12.4% หลังคาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 4 ดีกว่าคาด และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเดลตา แอร์ไลน์ (Delta Air Lines) และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ (American Airlines) ปรับตัวขึ้นด้วย 6.8% และ 7.1% ตามลำดับ
บรรดานักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ (17 ต.ค.)
ข่าวเด่น