ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ต.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,931.60 จุด ลดลง 344.31 จุด หรือ -0.80%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,853.98 จุด ลดลง 10.69 จุด หรือ -0.18% โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก ที่ 18,540.00 จุด เพิ่มขึ้น 50.45 จุด หรือ +0.27% โดยได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia)
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.17% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจจะขยายตัวรวดเร็วจนเกินไปและการจ้างงานฟื้นตัวมากเกินไปเช่นกัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีซึ่งใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐด้วยนั้น จะทำให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มขึ้น และทำให้บริษัทต่าง ๆ มีต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
อย่างไรก็ดี แครอล ชไลฟ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท BMO Family Office แสดงความเห็นในเชิงบวกว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ตลาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องมาเป็นเวลานานถึง 6 สัปดาห์
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง 2.08% และ 1.19% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.93%
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกสวนทางภาพรวมของตลาด โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Nvidia ที่พุ่งขึ้น 4.14% ปิดที่ 143.71 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของ Nvidia ทะยานขึ้นแตะระดับ 3.53 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) พุ่งขึ้น 3.1% หลังมีรายงานว่าพนักงานโบอิ้งเตรียมโหวตข้อตกลงฉบับใหม่เพื่อยุติการประท้วงผละงานที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 สัปดาห์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยในสัปดาห์นี้จะมีบริษัท 114 แห่งในดัชนี S&P500 ที่จะรายงานผลประกอบการ ซึ่งรวมถึงบริษัทเทสลา (Tesla), โคคา-โคลา (Coca-Cola) และเท็กซัส อินสตรูเมนท์ (Texas Instruments)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสอง, ยอดขายบ้านใหม่, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจาก S&P Global และยอดสั่งซิ้อสินค้าคงทน
ข่าวเด่น