ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (25 ต.ค.67) เวลา 9.59 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,467.02 จุด บวก 6.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,348.18 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET วันนี้ ตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ และคาดนักลงทุนในตลาดยังขายหุ้นออกมาลดความเสี่ยง เพื่อติดตามสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.นี้ รวมถึงทิศทางเงินบาทที่ยังอ่อนค่าเป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow ทำให้กรอบบนของ SET ถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,475-1,485 จุด และยังมีความเสี่ยงด้าน Downside โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,450 และ 1,440 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideway โดยแม้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมาแถว 1,500 จุดหลัง กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และคาดยังมีแรงส่งต่อเนื่อง รวมไปถึงยังมองมีปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะผลประกอบการของ บจ. ในสหรัฐ ที่คาดจะออกมาแข็งแกร่งกว่าตลาดคาด สืบเนื่องจากมีความคาดหวังต่ำ แต่มอง SET จะมี Upside จำกัด หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงติดตามผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector และยังรอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ
และหากพิจารณาในตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศสัปดาห์หน้า อาทิ ตัวเลขอสังหาริมทรัพย์และดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐมองยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ SET มีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อได้ แต่ช่วงสั้นคาด Upside เริ่มจำกัด หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงติดตามผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ.ไทยกลุ่ม Real Sector และรอปัจจัยใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1.หุ้น Earning Play ที่ปัจจัยพื้นฐานดีและคาดกำไร 3Q67 เติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE AU TNP และแนะนำระมัดระวังกลุ่มที่มีความเสี่ยง งบออกมาแย่กว่าตลาดคาด เช่น กลุ่มพลังงานและปีโตรฯ จากราคาน้ำมันลดลง กลุ่มบรรจุภัณฑ์จากยอดขายอ่อนตัวและค่าเงินบาทแข็ง และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็ง
2.หุ้นที่ได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยปรับตัวลง LHHOTEL DIF CPALL AP SIRI รวมถึง SPALI หลังรัฐเตรียมออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษไม่เกินคนละ 3 ล้านบาท, TISCO KKP ที่มีสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อสูง และหุ้นที่มีต้นทุนกู้ยืมลดลง GPSC BAM
3.หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดเป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตในปี 2025 เลือก KTB BBL ADVANC HMPRO BCP
4.สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
• ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์ ก.ย. 67 อยู่ที่ 122,277คัน ปรับลง 25.48%YoY จากการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 15.78%YoY อยู่ที่ 87,666 คัน และการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 42.31%YoY อยู่ที่ 34,611คัน พร้อมเตรียมปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 1.7 ล้านคัน
• IMF ออกเตือนความตึงเครียดด้านการค้าและภาษีระหว่างสหรัฐ EU และจีนที่รุนแรงขึ้นจะส่งผลกระทบลุกลามทั่วโลกและเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย เช่น ผลผลิตทั่วโลกจะต่ำลงและกดดันต่อเงินเฟ้อ
• Bloomberg รายงานว่ากลุ่มนักวิเคราะห์คาด BoJ จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ และมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ BoJ จะส่งสัญญาณเนื่องจากต้องจับตาดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 5พ.ย.นี้
• รมว.พลังงานเผยไม่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์การประมูลรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟสสอง 3,600MW ของ กกพ. เนื่องจากมีความเสี่ยงถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ และได้ส่งหนังสือทักท้วงต่อ กกพ.แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการแก้ไขราว 1 เดือน
• สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ ก.ย. ปรับขึ้น 4.1%MoM สู่ระดับ 738,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ค. 66 และสูงกว่าตลาดคาด ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ก่อนลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 227,000 ราย ต่ำกว่าตลาดคาดคาด
• ราคาหุ้นโบอิ้งปรับลง 1.18% วานนี้หลังช่างเครื่องของโบอิ้งลงมติคัดค้านข้อตกลงฉบับใหม่ที่บริษัทเสนอให้ปรับขึ้นเงินเดือน 35% ในระยะเวลา 4 ปี และได้ขยายเวลาผละงานประท้วงออกไปอีก ขณะที่ราคาหุ้น IBM ปรับลง 6.17% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาด
ข่าวเด่น