ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (24 ต.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,374.36 จุด ลดลง 140.59 จุด หรือ -0.33% โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นโบอิ้ง (Boeing) และหุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,809.86 จุด เพิ่มขึ้น 12.44 จุด หรือ +0.21% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,415.49 จุด เพิ่มขึ้น 138.83 จุด หรือ +0.76% ขานรับผลประกอบการของบริษัทเทสลา (Tesla) และการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.20% เมื่อคืนนี้ หลังทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.18% และหุ้น IBM ดิ่งลง 6.17% โดยหุ้นโบอิ้งร่วงลงหลังจากช่างเครื่องของโบอิ้งลงมติคัดค้านข้อตกลงฉบับใหม่ที่บริษัทเสนอให้ปรับขึ้นเงินเดือน 35% ในระยะเวลา 4 ปี และได้ขยายเวลาการผละงานประท้วงออกไปอีก ส่วนหุ้น IBM ดิ่งลงหลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ หุ้นฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชันแนล (Honeywell International) ซึ่งเป็นอีก 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายรายปีที่ต่ำกว่าคาด
ขณะที่ หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 21.9% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของเทสลาเพิ่มขึ้นกว่า 1.40 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3/2567 ที่แข็งแกร่ง และยังสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนด้วยการคาดว่ายอดขายในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นราว 20% – 30%
ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของเทสลาเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) พุ่งขึ้น 3.4% ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนจำนวน 159 แห่งได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 78.6% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อาทิ หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 5.28% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดต้นทุน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 4.1% สู่ระดับ 738,000 ยูนิตในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 720,000 ยูนิต จากระดับ 709,000 ยูนิตในเดือนส.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 241,000 ราย
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 54.0 ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดั 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐฯ มีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ข่าวเด่น