ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (30 ต.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,141.54 จุด ลดลง 91.51 จุด หรือ -0.22%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,813.67 จุด ลดลง 19.25 จุด หรือ -0.33% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,607.93 จุด ลดลง 104.82 จุด หรือ -0.56% โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทผลิตชิป ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.99% และ 0.42% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 1.34%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทผลิตชิป โดยหุ้นซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ (Super Micro Computer) ดิ่งลง 32.6% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเอินส์ท แอนด์ ยัง (Ernst & Young) ได้ถอนตัวจากการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทผลิตชิปแห่งนี้
หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ร่วงลง 10.6% และหุ้น Qorvo ดิ่งลง 27.31% หลังจากบริษัทผลิตชิปทั้ง 2 แห่งเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลง 1.4%
ไมเคิล เจมส์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า ข่าวด้านลบของบริษัทซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ และผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ AMD และ Qorvo ได้สร้างความกังวลในตลาด และได้สกัดแรงบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทอัลฟาเบท (Alphabet)
ทั้งนี้ อัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และเป็น 1 ในกลุ่ม 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ “Magnificent Seven” เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2567 ซึ่งช่วยหนุนหุ้นอัลฟาเบทปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.9% โดยบริษัทระบุว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้รายได้ในธุรกิจกูเกิลคลาวด์ (Google Cloud) ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
บริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ และไมโครซอฟท์ มีกำหนดรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ส่วนบริษัทแอปเปิ้ล (Apple) และอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com) จะรายงานผลประกอบการในวันนี้ (31 ต.ค.) โดยนักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าเทคโนโลยี AI จะยังคงเป็นปัจจัยหนุนรายได้ของบริษัทเหล่านี้หรือไม่
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.8% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.0% หลังจากมีการขยายตัว 3.0% ในไตรมาส 2/2567 และ 1.4% ในไตรมาส 1/2567
อโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 113,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคและครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 111,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนต.ค.
ข่าวเด่น