ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (12 พ.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,910.98 จุด ลดลง 382.15 จุด หรือ -0.86%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,983.99 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.29% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,281.40 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.09% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รวมทั้งความกังวลว่านโยบายต่าง ๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
แจ็ค แอบลิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุน บริษัท Cresset Capital กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.44% เมื่อคืนนี้ เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า การปรับลดภาษีของภาคเอกชน และการใช้มาตรการเข้มงวดกับผู้อพยพของรัฐบาลทรัมป์อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุ ร่วงลง 1.57% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง 1.34% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้น 0.51% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.45%
หุ้นบางตัวที่เคยได้รับแรงหนุนจากชัยชนะของทรัมป์ปรับตัวลง โดยหุ้นเทสลา (Tesla) ปิดตลาดดิ่งลง 6% หลังจากทะยานขึ้นเกือบ 40% นับตั้งแต่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันนี้จะมีการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และในวันศุกร์จะมีการรายงานยอดค้าปลีกเดือนต.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.
ข่าวเด่น