ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 พ.ย.67) ลบ 2.28 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,441.03 จุด



 
ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (26 พ.ย.67) เวลา 9.59 น. ดัชนีอยู่ที่ 1,441.03 จุด ลบ 2.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,188.73 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) วิเคราะห์ตลาดหุ้นวันนี้ (26 พ.ย. 67) Sentiment บวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับว่าที่ รมว.คลังคนใหม่ และ Bond Yield สหรัฐฯ ปรับลง เป็นปัจจัยหนุน SET ขณะที่แรงกดดันจาก Fund Flow ไหลออกคาดลดลง จากดอลลาร์สหรัฐชะลอการแข็งแรง รวมสิ้นสุด MSCI Balance ไปแล้วเมื่อวานที่เป็น Effective Date ทำให้คาดดัชนีจะฟื้นตัวได้ โดยมีแนวต้านที่ 1450-1455 จุด ส่วนแนวรับ 1430-1440 จุด มองเป็นจุดรองรับได้

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways ในกรอบ หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างจำกัด โดยตลาดคาดดัชนี PCE ต.ค. ของสหรัฐฯ จะทรงตัวใกล้เคียงกับ ก.ย. ที่ระดับ 0.2%MoM และดัชนี PMI ภาคการผลิต พ.ย. ของจีนจะขยายตัวเล็กน้อยหรือใกล้เคียง ต.ค. ที่ระดับ 50.1 ส่วนกระแสเงินทุนคาดยังมีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่องจากตลาดหุ้น EM รวมทั้งไทยและจีน สืบเนื่องมาจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์และความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของทรัมป์

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังอยู่ในช่วง บจ. ให้แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 และปี 2568 พร้อมรอติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ อีกทั้งตัวเลขส่งออกไทย ต.ค. คาดจะเติบโตเร่งตัวขึ้นเป็น 5.5%YoY จาก 1.1%YoY ใน ก.ย. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily top picks

GULF : 4Q67 คาดกำไรทำสถิติสูงสุดอีกครั้งจากการขยายกำลังการผลิต โดยมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการกับ INTUCH ที่จะหนุนให้งบดุลของบริษัทปรับตัวดีขึ้นและช่วยสนับสนุนการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่กำลังจะมาถึง รวมถึงการเริ่มต้นวงจรอัตราดอกเบี้ยขาลง

FTREIT : ราคาปรับตัวลดลงมาแล้ว 4.5% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ Div. Yield ดูน่าสนใจมากขึ้นที่ 7.1% ในปี FY2567 และ 7.3% ในปี FY2568 นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากความต้องการพื้นที่อุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยจากการพูดคุยกับผู้จัดการกอง REIT ยังไม่มีสัญญาณว่าลูกค้าจะชะลอการตัดสินใจหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญ

• สศช.เผยหนี้ครัวเรือน 2Q67 ขยายตัว 1.3%YoY เป็น 16.32 ล้านลบ. ลดเหลือ 89.6% ต่ำกว่า 90% ของ GDP แต่ห่วงรายจ่ายครัวเรือนตึงตัว ผิดชำระหนี้สูง จับตาแบงก์เข้มปล่อยกู้ กดดันพึ่งหนี้นอก

• ส.อ.ท.ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้จากเดิม 1.7 ล้านคัน เหลือ 1.5 ล้านคัน ต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยลดยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจาก 5.5 แสนคัน เป็น 4.5 แสนคัน และยอดผลิตเพื่อส่งออกจาก 1.15 ล้านคัน เป็น 1.05 ล้านคัน จับตาผู้ผลิตชิ้นส่วนปิดโรงงาน

• BOI เผยผลการเยือนจีนวันที่ 19-22 พ.ย. ว่ามีบริษัทชั้นนำของจีนเข้าร่วมงานกว่า 600 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจีนที่ต้องการกระจายฐานการผลิตออกสู่ตลาดโลกท่ามกลางความกังวลต่อมาตรการกีดกันการค้ารอบใหม่ของสหรัฐ

• DAMAC ทุนอสังหาดูไบเผยความคืบหน้าลงทุน Data Center ในไทยร่วมพันธมิตร PROEN เล็งขยายกำลังการผลิตจาก 5MW เป็น 20MW ภายในปีหน้า ตั้งเป้า 100MW ใน 3 ปี หลังเห็นอุปสงค์โตก้าวกระโดด 

• กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอมาตรการตรึงราคาเบนซินและดีเซล และตรึงค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 68 ที่ 4.18 บาท/หน่วยต่อไป โดยจะต้องพิจารณาหนี้ค้างสะสมของ กฟผ. และ PTT ก่อน

• รมว.พลังงานเผยความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 กำลังหารือกับกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบด้านกฎหมายและรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2565 หากดำเนินการต่อได้ คาดจะมีการข้อสรุปภายในปีนี้

• แหล่งข่าวเปิดเผยว่าวันนี้คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลจะพิจารณาข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับเงื่อนไขในการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways ในกรอบหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ โดย Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้น EM และในประเทศยังอยู่ในช่วง บจ. ให้แนวโน้มผลประกอบการและรอมาตรการกระตุ้นศก. เพิ่มเติมของรัฐ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค, ท่องเที่ยว และมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของภาครัฐ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP) กลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT) และกลุ่มธนาคาร (BBL)

หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP CBG AMATA AU TIDLOR BCP

หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Ratings และ CG สูง อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO

สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 พ.ย. 2567 เวลา : 10:05:27

05-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 5, 2024, 9:39 am