ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (6 ธ.ค.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,450.83 จุด บวก 0.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,928.11 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมิน SET วันนี้ ในช่วงสั้นมองแกว่งในกรอบระหว่าง 1,440-1,460 จุด ส่วนภาพรวมยังมีสัญญาณต่อภาพการไต่ระดับ โดยจุดติดตามอยู่ที่กรอบบน 1,460 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,470 จุด ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนประหยัดภาษี และดอลลาร์อ่อน บาทแข็ง เป็นบวกต่อ fund flow ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways โดย Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจาก EM หลังกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าและในประเทศยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP) และท่องเที่ยว (AWC AOT MINT)
2.หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
3.หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษีแนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5%, มี ESG Ratings และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO
4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 ใน 1H68 BANPU CCET COM7 SAWAD รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ แนะนำ HMPRO CPALL และ TASCO ขณะที่ระมัดระวังการลงทุนหุ้นกลุ่มการแพทย์, ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างที่กำไร 4Q67 มีโมเมนตัมอ่อนแอ
หุ้นแนะนำวันนี้
AOT : เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มท่องเที่ยว โดยกําไรจะมีแนวโน้มเติบโตสดใสตามจํานวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปี FY2568 คาดกําไรจะเติบโต 18%YoY อิงจํานวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 84 ล้านคน เติบโต 15%YoY ซึ่ง 1QFY68 คาดกําไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
BBL : เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) valuation ถูกที่สุด 2) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และ 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุด โดยคาดสินเชื่อจะฟื้นตัวเติบโตได้ดีใน 4Q67 ซึ่งล่าสุด ต.ค. สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.4%MoM แรงหนุนจากสินเชื่อกิจการต่างประเทศและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้
• โอเปกพลัสมีมติเลื่อนการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันออกไป 3 เดือนถึง เม.ย. 68 และขยายเวลายกเลิกมาตรการลดกำลังผลิตออกไปอีก 1 ปีถึงสิ้นปี 2569 จากอุปสงค์ที่ซบเซา แต่ประเทศนอกกลุ่มฯ กลับมีการผลิตพุ่งสูง
• ประธานเฟดเผยเศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้แข็งแกร่งมากกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดเริ่มปรับลดดอกเบี้ย พร้อมกับส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต
• ททท. คาดการท่องเที่ยวในปี 2568 ดีขึ้น หนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาไทยแตะ 40 ล้านคนเป็นครั้งแรก ตามนโยบาย รมว.ท่องเที่ยว สูงกว่าเป้าที่ ททท. ตั้งไว้ที่ 39.5 ล้านคน
• บอร์ดอีวีอนุมัติมาตรการลดภาษีหนุน HEV-MHEV ที่ผลิตในประเทศ หนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และปรับปรุงเงื่อนไขมาตรการ EV3 ปลดล็อกเวลาผลิตชดเชยหลังยอดขายชะลอ
• กกร. เผย ม.หอการค้าไทยประเมินความเสียหายน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือน ก.ย. 67 อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.5% ของ GDP ส่วนน้ำท่วมภาคใต้อาจมีมูลค่าความเสียหาย 0.5-1 พันล้านบาท คิดเป็น 0.03-0.06% ของ GDP
• รมว.คลัง, ผู้ว่า ธปท. และ ผบห. สถาบันการเงิน จะแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้ SMEs ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกหนี้
• สนค.เผยเงินเฟ้อทั่วไป พ.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.95%YoY ขยายตัวมากสุดในรอบ 3 เดือน แต่หดตัว 0.13%MoM ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน พ.ย .67 สูงขึ้น 0.80%YoY เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจาก ต.ค. 67 ที่สูงขึ้น 0.77%YoY
ข่าวเด่น