ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (16 ธ.ค.67) ดัชนีอยู่ที่ 1,422.80 จุด ลบ 9.61 จุด หรือลดลง 0.67% มูลค่าการซื้อขาย 906.21 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมิน SET วันนี้ ลงมาโซนแนวรับบริเวณ 1,420-1,430 จุด ขณะที่คาดว่าช่วงปลายปีมีเม็ดเงินจากกองทุนประหยัดภาษีเข้ามาประคอง และการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้วันที่ 17-18 ธ.ค. ที่คาดจะมีการลดดอกเบี้ย ทำให้คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวกลับจากแนวรับดังกล่าว ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณที่ดี และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,450 จุด
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1440-1450 จุด ทั้งนี้ Upside ของตลาดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ด้านตลาดหุ้นไทยติดตามการประชุม กนง. ที่ตลาดคาดจะคงดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันลาดในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม หาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้ราว 15-20 จุด รวมถึงการเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการซื้อกองทุนประหยัดภาษีที่มักเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดย Upside ของตลาดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและท่าทีของเฟด ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการประชุม กนง. กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF และ RMF แนะนำลงทุนในหุ้น SET100 ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ 1) จ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอ โดยให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3% 2) เราให้คำแนะนำ Outperform และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีความมั่นคงหรือมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 ได้แก่ ADVANC AP BBL BDMS HMPRO
2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวเพิ่มเติมในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แนะนำกลุ่มพาณิชย์ (CPALL CRC HMPRO TNP) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT)
3.หุ้น Earning Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ดอกบี้ยขาลง แนะนำ 1) หุ้นกลุ่ม Reits (LHHOTEL DIF) ซึ่งได้อานิสงส์บวกภายใต้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกำลังจะเปลี่ยนเป็นทิศทางเป็นขาลง 2) หุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPALL) ซึ่งได้อานิสงส์จากประชาชนมีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น (ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง) และ 3) หุ้นธนาคาร (TISCO KKP) เพราะมีสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อสูง ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่/หุ้น Laggard ซึ่งมีเทคนิคมีแนวโน้มฟื้นตัว แนะนำ BEM BDMS MINT AP
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
รัฐบาลจีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2568 เน้นกระตุ้นการบริโภคเพื่อรับมือการขึ้นกาษีของสหรัฐ สนับสนุนระบบประกันสังคมและบำนาญเพื่อรับมือสังคมสูงวัยผ่านการเพิ่มรายจ่ายภาครัฐและการกู้ยืม
• เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้นกว่า 2%DoD สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ คาดการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับรัสเซียและอิหร่านอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้น และดอกเบี้ยที่ลดลงในยุโรป-สหรัฐช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น
• กระทรวงดิจิทัลฯ เผยปี’68 จะมีเอกชนรายใหญ่ด้านเทคโนโลยีจาก ตปท. อีก 2 แห่ง เข้ามาลงทุน AI และ Data Center ในไทย มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท หลังปีนี้ทั้งกูเกิล ไมโครซอฟท์ และดาต้าแมกซ์ลงทุนมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
• กระทรวงการคลังเผยสถานการณ์ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ ต.ค.-พ.ย. 67 ดีขึ้น 2 เดือนต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลส่งผลให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
• กระทรวงการคลังกำลังศึกษาการปฏิรูปโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะ VAT ซึ่งแม้ว่าทั่วโลกจะมีการปรับขึ้น แต่ไทยยังอยู่แค่ขั้นตอนการศึกษา หากจะทำจริงต้องดูภาวะเศรษฐกิจด้วย และไม่ใช่การปรับขึ้น 15% อย่างแน่นอน
• ชุมพรและนครศรีธรรมราชเผชิญอุทกภัยฉับพลันจากฝนตกหนักทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย ส่งผลให้ รฟท. และ บขส. ต้องยกเลิกการเดินรถ และปิดถนนหลวงสาย 41 กรมอุตุเตือน 12-16 ธ.ค. มวลน้ำป่าทะลัก
• CPAXT เข้าลงทุนในโครงการ The Happitat (ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ แบบผสมผสาน) มูลค่าลงทุนไม่เกิน 1.2 หมื่นล้านบาท มองอาจสร้างความกังวลต่อตลาดระยะสั้นจากกำไรที่ลดลงจากดอกเบี้ย จ่ายและต้องใช้เวลาปรับตัวจากลงทุนในธุรกิจใหม่
ข่าวเด่น