ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
MTS Gold คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,645 เหรียญ และแนวต้าน 2,675 เหรียญ


ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงและทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 2,650 เหรียญ ท่ามกลางนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าภาวะเศรษฐกิจในปีหน้ายังคงอ่อนแอ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์มีโอกาสที่จะปรับตัวแข็งค่าขึ้น จากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนมกราคมปีหน้า ขณะที่ตลาดวิเคราะห์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%อีกสองครั้งในปีหน้า จากที่คาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้งในก่อนหน้านี้ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ได้แก่ Core Retail Sales m/m ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ ขณะที่ Retail Sales m/m ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ บ่งชี้ได้ว่าภาคการค้าปลีกยังคงแข็งแกร่งอยู่ เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Building Permits คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งเกื้อหนุนต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในคืนนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันนี้ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 864.19 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 14.36 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 14.92 ตัน ดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 106.82 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 106.70-107.08 จุด และปิดที่ระดับ 106.94 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 106.94 จุด เรียกได้ว่าดัชนีดอลลาร์ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้หลุดลงมาที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้กลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาทองไทยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 42,850 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ดี ภาพรวมของราคาทองคำตลาดโลกและราคาทองไทยยังคงเคลื่อนตัวในกรอบแคบเพื่อรอทิศทางใหม่ๆ และรอผลการประกาศดอกเบี้ยของเฟดในคืนนี้ โดยคาดว่าราคาทองไทยจะมีแนวรับหลักที่ระดับ 42,200 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านหลักที่ระดับ 43,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลกมีแนวรับหลักระยะสั้นที่ระดับ 2,615 เหรียญ และแนวต้านหลักระยะสั้นที่ระดับ 2,660 เหรียญ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.391% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.236% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.16% เรียกได้ว่าสภาวะองค์รวมของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯใกล้เคียงปกติ

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways ระหว่างแนวรับที่ระดับ 2,635 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,665 เหรียญ

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,645 เหรียญ และแนวต้าน 2,675 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,660 เหรียญ และแนวต้าน 2,690 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 42,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 43,100 บาท/บาททองคำ

Gold Futures Series Z24 จะมีแนวรับที่ระดับ 42,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 43,300 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำซื้อขายในกรอบระยะสั้น ตามแนวโน้มของการพักฐานในกรอบ sideways โดยรอซื้อ เมื่อมีสัญญาณกลับตัวบริเวณแนวรับ และปิดขายทำกำไรก่อนเมื่อราคารีบาวด์ปรับตัวขึ้น

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลดสถานะการซื้อ หรือ Long position ในระยะสั้นต้องระมัดระวังแรงขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับฐาน ราคาอาจจะขึ้นเพื่อลงต่อในระยะสั้น จนกว่าจะสร้างฐานราคาได้

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แต่ไม่แนะนำให้ถือในระยะยาว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ธ.ค. 2567 เวลา : 13:03:10

22-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 22, 2024, 6:53 pm