ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (2 ม.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,392.27 จุด ลดลง 151.95 จุด หรือ -0.36%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,868.55 จุด ลดลง 13.08 จุด หรือ -0.22% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,280.79 จุด ลดลง 30.00 จุด หรือ -0.16% โดยตลาดถูกกดดันจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และการร่วงลงของหุ้นเทสลา (Tesla)
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2567 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 222,000 ราย ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง ลดลง 52,000 ราย สู่ระดับ 1.84 ล้านราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.89 ล้านราย
ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนมุมมองที่ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และเพิ่มน้ำหนักของความเป็นไปได้ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนนี้
ปีเตอร์ คาร์ดิลโล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์บริษัท Spartan Capital Securities กล่าวว่า ตลาดเผชิญกับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจ รวมทั้งสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างมาก ส่วนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ คาดว่าตลาดจะเผชิญกับความท้าทายบางอย่าง ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ที่ 10 ม.ค. และการเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียน
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มวัสดุ ร่วงลง 1.27% และ 1.14% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.04% โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน WTI
หุ้นเทสลา ร่วงลง 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบและการผลิตรถยนต์ลดลงในไตรมาส 4/2567 นอกจากนี้ หุ้นเทสลายังถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่ารถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรักของบริษัทเทสลา หรือ เทสลา ไซเบอร์ทรัก (Tesla Cybertruck) เกิดระเบิดที่บริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเทล (Trump International Hotel) ในเมืองลาสเวกัส เมื่อวันพุธที่ 1 ม.ค. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 7 ราย
หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ร่วงลง 2.62% หลังจากบริษัทเสนอโปรโมชันลดราคาผลิตภัณฑ์ไอโฟน (iPhone) รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศจีน โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องส่วนแบ่งตลาด ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นจากบรรดาบริษัทคู่แข่งในจีน เช่น หัวเว่ย (Huawei)
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบล็อกเชนปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาบิตคอยน์ โดยหุ้นไมโครสตราเทจี (Microstrategy) พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นเอ็มเออาร์เอ โฮลดิงส์ (MARA Holdings) ดีดขึ้น 2.6% และหุ้นคอยน์เบส โกลบอล (Coinbase Global) พุ่งขึ้น 3.6%
ข่าวเด่น