ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ม.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,153.13 จุด ลดลง 68.42 จุด หรือ -0.16%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,937.34 จุด ลดลง 12.57 จุด หรือ -0.21% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,338.29 จุด ลดลง 172.94 จุด หรือ -0.89% หลังสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผย ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนพ.ย.
ด้าน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 210,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) บริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ร่วงลง 6.04% และเป็นปัจจัยฉุดดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2567 ที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ร่วงลง 4.04% หลังจากคานาลิส (Canalys) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยรายงานว่า ยอดการจัดส่งผลิตภัณฑ์ iPhone ของแอปเปิ้ลในจีนปรับตัวลดลง ส่งผลให้บริษัทคู่แข่งอย่างวีโว่ (Vivo) และหัวเว่ย (Huawei) แซงหน้าแอปเปิ้ลขึ้นเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดในจีนในปี 2567
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2567 โดยได้แรงหนุนจากรายได้การซื้อขายหุ้นและตราสารหนี้ แต่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) ปรับตัวลง 0.98% แม้ธนาคารเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2567 และยังได้คาดการณ์ว่ารายได้จากดอกเบี้ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2568
ข่าวเด่น