ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 ม.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปิดระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 44,025.81 จุด เพิ่มขึ้น 537.98 จุด หรือ +1.24%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,049.24 จุด เพิ่มขึ้น 52.58 จุด หรือ +0.88% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,756.78 จุด เพิ่มขึ้น 126.58 จุด หรือ +0.64% เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลสงครามการค้า หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เสร็จสิ้นพิธีสาบานตน ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ Universal Tariffs อย่างที่ตลาดวิตกกังวลก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ทรัมป์ไม่ได้ประกาศจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในทันที แต่กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.
ด้าน แครอล ชไลฟ์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาด บริษัท BMO Private Wealth กล่าวว่า ตลาดคลายความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงมาตรการภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาลในการบริหารงานวันแรก โดยตลาดมองว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะใช้แนวทางที่รอบคอบระมัดระวังมากขึ้น ด้วยการใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรอง แต่ไม่ใช้เพื่อสร้างความขัดแย้ง
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 2.03% โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้น 3M ที่พุ่งขึ้น 4.16% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2567
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น หลังจากปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งหลายฉบับที่มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการผลิตพลังงาน โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ หุ้น Vistra Corp, หุ้น NRG Energy และหุ้น Constellation Energy
หุ้นโมเดอร์นา (Moderna) ทะยานขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทได้รับเงินสนับสนุนมูลค่า 590 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเร่งการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดนก
ข่าวเด่น