(225)(149).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (22 ม.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,156.73 จุด เพิ่มขึ้น 130.92 จุด หรือ +0.30%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,086.37 จุด เพิ่มขึ้น 37.13 จุด หรือ +0.61% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,009.34 จุด เพิ่มขึ้น 252.56 จุด หรือ +1.28% รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิป หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีชื่อว่า สตาร์เกต โปรเจกต์ (Stargate Project) ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป (SoftBank Group), โอเพนเอไอ (OpenAI) และ ออราเคิล คอร์ป (Oracle Corp) โดยเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าราว 5 แสนล้านดอลลาร์ และจะช่วยสร้างงานจำนวนมากในสหรัฐฯ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ (Netflix)
ทั้งนี้ หุ้นออราเคิล พุ่งขึ้น 6.8% หุ้นเดลล์ (Dell) พุ่งขึ้น 3.6% ไมโครซอฟท์ (Microsoft) พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) บวก 1.1% หุ้นอาร์ม โฮลดิงส์ (Arm Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของซอฟต์แบงก์ ทะยานขึ้น 15.9% หุ้นซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ (Super Micro Computer) พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นซีเกต เทคโนโลยี (Seagate Technology) พุ่งขึ้น 6.84%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ทะยานขึ้น 9.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2567 และจำนวนสมาชิกทั่วโลกพุ่งขึ้นทะลุระดับ 300 ล้านราย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงแคนาดาและสหรัฐฯ
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์สินค้าครัวเรือนในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังสั่งการให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางทำการทบทวนประเด็นด้านการค้าอย่างครอบคลุมและให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 เม.ย.
ข่าวเด่น