(108).jpg)
ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (13 ก.พ.68) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 16.70 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 2,945.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
“เป็นเวลาหลายปีที่สหรัฐอเมริกาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยประเทศคู่ค้า ทั้งมิตรและศัตรู โดยที่ผ่านมานั้น การที่สหรัฐฯ ไม่ได้ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามูลค่ามหาศาลอย่างต่อเนื่อง”ปธน.ทรัมป์ กล่าว
ด้าน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนม.ค. ปรับตัวขึ้น 3.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนธ.ค.เช่นกัน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และหนึ่งในเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จับตาอย่างใกล้ชิด ปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค.
การชะลอตัวของดัชนี CPI พื้นฐาน ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ส่วนการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ข่าวเด่น