(48).jpg)
ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (3 มี.ค.68) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 52.60 ดอลลาร์ หรือ 1.85% ปิดที่ 2,901.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ที่ดัชนีดอลลาร์ ดิ่งลงกว่า 1% และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ยืนยันสหรัฐฯ จะดำเนินการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มี.ค.ตามกำหนด
โดยทรัมป์ระบุว่าทั้งสองประเทศไม่มีช่องทางที่จะสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีได้อีก นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะเริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.นี้เป็นต้นไป
ดาเนียล พาวิโลนิส นักกลยุทธ์ด้านตลาด บริษัท RJO Futures คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ เนื่องจากการที่สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโกอาจจะส่งผลให้ทั้งสองประเทศคู่ค้าตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการใช้มาตรการแบบเดียวกัน นอกจากนี้ คาดว่าราคาทองคำจะยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ เดินหน้าซื้อทองคำ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ จากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง (ADP) ในวันพุธ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.0% ในเดือนก.พ.
ข่าวเด่น