(124).jpg)
ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (13 มี.ค.68) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 44.50 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 2,991.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ราคาทองคำเคลื่อนตัวเข้าใกล้หมุดหมายสำคัญที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่ำกว่าการคาดการณ์
ราคาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อทองคำ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ผ่านทางแพลตฟอร์ม Truth Social ว่าจะรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200%
แมคควอรี กรุ๊ป (Macquarie Group) คาดการณ์ว่า ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาส 3 ปีนี้
นอกจากนี้ มีรายงานระบุว่า กองทุน SPDR Gold Trust เพิ่มการถือครองทองคำสู่ระดับ 907.82 เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 ขณะที่ธนาคารกลางจีนซื้อทองคำติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.พ.68
ข่าวเด่น