ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,080 และแนวต้านที่ระดับ 3,120 เหรียญ


ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานทำกำไร โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 3,165 เหรียญ ก่อนจะร่วงลงมารุนแรงกว่า 100 เหรียญ โดยทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 3,054 เหรียญ ก่อนจะมีแรงซื้อขายกลับเข้ามาปิดที่ระดับ 3,113 เหรียญ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจในเชิงเทคนิค เนื่องจากราคาทองคำร่วงลงมาแถวบริเวณ Fibonacci retracement 23.6% ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3,054 เหรียญ และมีการดีดกลับ ซึ่งถ้าวิเคราะห์ตามเทคนิคภาพรวมของราคาทองคำยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งหมายความว่า หากราคาทองคำไม่หลุดระดับ 3,054 เหรียญลงมา จะคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มการปรับฐานเมื่อสิ้นสุดลงจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้ต่อ ดังนั้นบริเวณ 3,054 เหรียญจึงถือเป็นแนวรับสำคัญในระยะสั้น ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ได้แก่ Unemployment Claims ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ ขณะที่ Final Services PMI ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ และ ISM Services PMI ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ สำหรับวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Non-Farm Employment Change คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงจากเดิม ด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 103.14 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 101.26-103.37 จุด และมาปิดที่ระดับ 101.94 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 101.72 จุด เรียกได้ว่า ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรงจากสภาวะของสงครามการค้า และจากการที่ปธน.ทรัมป์จะขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาลอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย. ซึ่งส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน โดยล่าสุด ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 40,545.93 จุด ลดลง 3.98% ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,396.52 จุด ลดลง 4.84% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,550.61 จุด ลดลง 5.97% บ่งบอกได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัวและถดถอย ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเข้า 4.3 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 936.24 ตัน ขณะที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อปิดช่องโหว่ทางการค้าที่เรียกว่า “de minimis” หรือข้อยกเว้นภาษีการนำเข้ากับพัสดุขนาดเล็กจากจีนและฮ่องกงที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.นี้



วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน ซึ่งคาดว่าหากราคาทองคำไม่หลุดระดับ 3,054 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเมื่อวานนี้ และตรงกับระดับ Fibonacci retracement 23.6% นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดทองคำยังมีความสมบูรณ์อยู่ ขณะเดียวกันหากภายใน 3-4 วันนี้ ราคาทองคำไม่หลุดระดับ 3,100 เหรียญลงมา เชื่อว่าราคาทองคำจะกลับไปทำจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 3,165 เหรียญ และเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อไป สำหรับนักลงทุนที่อยู่ในสภาวะที่ติดราคาสูงกว่าระดับปัจจุบันแถวบริเวณ 3,120 เหรียญ หรือติดที่ระดับ 51,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งคาดว่าหากไม่ได้ใช้ Leverage เกินกว่า 10 เท่า น่าจะสามารถอดทนรอได้ โดยตั้งจุดตัดขาดทุน (stop loss) ไว้ที่ระดับ 3,050 เหรียญ เพราะหากหลุดระดับ 3,050 เหรียญ ราคาทองคำ น่าจะลงไปที่ระดับ 2,980 เหรียญ ซึ่งต้องจับตาดูตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 8 หากไม่หลุด 3,100 เหรียญลงมา ทองคำถือว่าอยู่ในภาวะค่อนข้างดี โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,080 และแนวต้านที่ระดับ 3,120 เหรียญ

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,115 เหรียญ และแนวต้าน 3,155 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,090 เหรียญ และแนวต้าน 3,130 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 49,600 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 50,200 บาท/บาททองคำ

Gold Futures Series J25 จะมีแนวรับที่ระดับ 50,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 50,500 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำให้ซื้อขายในกรอบระยะสั้น ตามแนวโน้ม “Sideways” ระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ และหลีกเลี่ยงการใช้ leverage มากเกินไป เนื่องจากราคาอาจมีความผันผวน

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 เม.ย. 2568 เวลา : 12:58:05

08-04-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 8, 2025, 2:09 am