(225)(193).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (15 เม.ย.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 40,368.96 จุด ลดลง 155.83 จุด หรือ -0.38%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,396.63 จุด ลดลง 9.34 จุด หรือ -0.17% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,823.17 จุด ลดลง 8.32 จุด หรือ -0.05% โดยตลาดถูกกดดันจากความไม่แน่นอนมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 เม.ย.) ทำเนียบขาวได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่นำเข้าจากจีน อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การยกเว้นภาษีเหล่านี้จะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
เอกสารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Register) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (14 เม.ย.) ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มกระบวนการสอบสวนการนำเข้ายาและเซมิคอนดักเตอร์แล้ว เพื่อหาลู่ทางในการใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งสองประเภทนี้
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ร่วงลง 2.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนได้สั่งการให้สายการบินต่าง ๆ ในประเทศ งดรับมอบเครื่องบินโบอิ้งล็อตใหม่ เพื่อตอบโต้การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 145%
นักวิเคราะห์ Barclays ได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มรถยนต์ของสหรัฐฯ โดยระบุว่ามาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทกลุ่มนี้ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ด ร่วงลง 2.7% และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ หรือ GM ร่วงลง 1.3%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ปรับตัวขึ้น 1.7% หลังจากธนาคารทั้งสองแห่งเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 1/2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) ในวันนี้ (16 เม.ย.) เวลา 13.30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์
ข่าวเด่น