
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 100 เหรียญเมื่อวานนี้ หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 3,238 เหรียญ ก่อนจะกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 3,334 เหรียญ ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 3,359 เหรียญ เรียกได้ว่าจากเมื่อวานนี้จนถึงปัจจุบัน ราคาทองคำขึ้นมาประมาณ 120 เหรียญ ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ ไม่ใช่มาจากการขึ้นของราคาทองคำ โดยค่าเงินบาทเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ และคาดว่าค่าเงินบาทจะค่อยๆ ทรงตัวอยู่ในบริเวณ 32.90-33.10 บาทต่อดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลง หลังจากที่ขึ้นไปที่ระดับ 100.37 จุด เมื่อ 3 วันก่อน ก่อนจะลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 99.46 จุดในเมื่อวานนี้ และเช้านี้ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 99.76 จุด ด้านราคาทองไทยปรับตัวขึ้นจากเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 51,900 บาทต่อบาททองคำ เช้านี้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52,150 บาทต่อบาททองคำ ภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯค่อนข้างทรงตัว โดยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ได้แก่ Final Services PMI ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ ขณะที่ ISM Services PMI ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ ซึ่งค่าตัวเลขที่มีค่าเกิน 50 เปอร์เซ็นต์จะบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจของภาคบริการโดยทั่วไปถือว่ามีการขยายตัว ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 4.87 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 939.39 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 4.87 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 66.87 ตัน อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้น่าจะมีแรงซื้อจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์เป็นปัจจัยหลัก นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนมีการผลิตทองคำเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราการบริโภคโดยรวมของจีนปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม การบริโภคทองคำแท่งในจีนดูเหมือนจะสูงขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีอัตราการบริโภคทองรูปพรรณลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการบริโภคทองคำแท่ง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงอยู่ในสภาวะที่แข็งค่ามาก ทำให้ธนาคารกลางฮ่องกงเข้าซื้อเงินดอลลาร์ฮ่องกงเพื่อรักษาระดับไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 41,218.83 จุด ลดลง -0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,650.38 จุด ลดลง -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,844.24 จุด ลดลง -0.74% ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลุดระดับ 60 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ในประเด็นด้านนโยบายการค้า นายทรัมป์และนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคงมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน โดยเชื่อว่านโยบายกำแพงภาษียังจำเป็นต้องดำเนินต่อไป และสนับสนุนให้นายทรัมป์ดำเนินนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมของการขึ้นกำแพงภาษียังคงมีแนวโน้มที่แข็งกร้าว สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยยังไม่มีสัญญาณของการลดหย่อน อิสราเอลมีท่าทีที่จะขยายปฏิบัติการในพื้นที่ของกลุ่มฮามาส ขณะที่สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงรุนแรงทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การปรับขึ้นของราคาทองคำในวันนี้จึงน่าจะมาจากสองปัจจัยหลักคือ 1. สหรัฐฯ ยังคงดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวในการขึ้นกำแพงภาษี และยังไม่มีการเจรจากับจีน ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจ นายทรัมป์ย้ำว่าต้องอดทนเห็นเศรษฐกิจผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวเศรษฐกิจจะดีขึ้น 2. สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตลาดโดยรวมคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงนโยบายในการคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม และยังไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ และต้องติดตามการประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้สำหรับเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณที่ไม่ดีนัก โดย Moody's ได้ปรับมุมมองเป็น Negative ซึ่งอาจนำไปสู่การลดเครดิตเรตติ้งในอนาคต

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำในเชิงเทคนิค เรียกว่า สิ้นสุดการปรับตัวลดลงอย่างสมบูรณ์ และเริ่มเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาขึ้น โดยราคาทองคำสามารถ Break out เหนือระดับ 3,350 เหรียญในเช้าวันนี้อย่างมั่นคง ทำให้โดยรวมเรียกว่า Break แนวต้านระยะสั้นที่สำคัญขึ้นมาแล้ว โดยแนวโน้มทิศทางขาขึ้นรอบที่แล้วอยู่ที่ระดับ 3,500 เหรียญ ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยที่สุดการปรับตัวขึ้นครั้งนี้น่าจะเห็นที่ระดับ 3,500 เหรียญอีกครั้ง ขณะที่ราคาทองไทยน่าจะเห็นใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิม ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทที่แข็งค่าลงมา สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำตลาดโลกจะมีแนวรับที่ระดับ 3,330 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,400 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,365 เหรียญ และแนวต้าน 3,435 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,345 เหรียญ และแนวต้าน 3,415 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 51,900 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 52,700 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series M25 จะมีแนวรับที่ระดับ 52,400 บาท และแนวต้านที่ระดับ 53,100 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แบ่งปิดสถานะซื้อ เพื่อทำกำไรบางส่วน ยังเน้นเทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น และปิดทำกำไรตามรอบ เน้นเทรดระยะสั้นลง ระวังเเรงเทขายทำกำไร
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น