
ทิศทางราคาทองคำ
ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ในช่วงตลาด Comex หลังจากที่เบรกแนวต้านสำคัญทางเทคนิคซึ่งฟอร์มตัวลักษณะ W shape ทะลุเหนือ 3,245 เหรียญขึ้นมาได้ ทำให้มีแรงซื้อตามเข้ามาในตลาดอย่างมาก โดยเมื่อวานนี้ราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ 3,295 เหรียญ และเช้านี้อยู่ที่ระดับ 3,300 เหรียญ โดยการกลับตัวของราคาทองคำเมื่อวานนี้เป็นการยืนยันชัดเจนว่าราคาทองคำกลับเข้าสู่สภาวะสมดุลและสร้างฐานที่บริเวณ 3,200-3,230 เหรียญได้อย่างมั่นคง และยืนยันได้ว่าราคาทองคำหยุดร่วงและเข้าสู่ทิศทางขาขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดหลายประเด็น ทั้งเศรษฐกิจและสงคราม โดยล่าสุดสหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียโดยไม่รอให้สหรัฐฯ เข้าร่วม ขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงยืดเยื้อ ล่าสุดอิสราเอลกำลังเตรียมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มองว่า การโจมตีดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่ท้าทายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างชัดเจน และอาจจุดชนวนความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ขณะที่สภาวะของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯโดยรวม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 6 เดือน สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ดีนัก รวมถึง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.485% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.97% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.52% ขณะที่ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่นอายุ 30 ปีและ 40 ปีพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเมื่อวานนี้ โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) อายุ 30 ปีแตะที่ 3.14% ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 40 ปี แตะที่ 3.6% ซึ่งจากประเด็นดังกล่าวน่าจะเป็นสาเหตุให้มีกองทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะ Safe Haven นอกจากนี้ ยังมีนักวิเคราะห์ทั้งเจมี ไดมอน และ เรย์ ดาลิโอ ในสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความสุ่มเสี่ยงหลังจากที่ Moody's ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ผ่านการโหวตรับรองจากคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์แล้ว และจะนำเข้าสู่การพิจารณาเพิ่มเติมในสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้ ด้านนักวิเคราะห์ชี้ เสี่ยงเพิ่มหนี้อีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ไม่นับรวมงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลที่เริ่มจะมากขึ้นในปีนี้ ขณะที่จีนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยและมีนโยบายในการอัดฉีดต่างๆ ด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 100.43 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 100 จุด ขณะที่เช้านี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดระดับ 100 จุดลงมาที่ 99.62 จุด ซึ่งเป็นสาเหตุให้ค่าเงินบาทแข็งค่าลงมาอย่างมากจากเปิดที่ระดับ 33.05 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเข้า 0.57 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 921.6 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 22.66 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 49.08 ตัน ซึ่งไม่ได้มีส่วนกำหนดราคาทองคำในตลาด

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มการกลับตัวเป็นทิศทางขาขึ้นระยะสั้น โดยเป็นการยืนยันการหยุดร่วงของราคาทองคำได้อย่างสมบูรณ์ในเมื่อวานนี้ โดยราคาทองคำเริ่มดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและระยะกลางได้ และถ้าราคาทองคำปิด GAP ที่ระดับ 3,320 เหรียญจะทำให้ภาพการขึ้นค่อนข้างสมบูรณ์และแข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 3,270 เหรียญ และ 3,335 เหรียญ แนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้าซื้อเก็บ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,290 เหรียญ และแนวต้าน 3,355 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,270 เหรียญ และแนวต้าน 3,335 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,700 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,500 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series M25 จะมีแนวรับที่ระดับ 51,250 บาท และแนวต้านที่ระดับ 51,900 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำให้ซื้อขายในกรอบระยะสั้น ตามแนวโน้ม “Sideway up” ระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ และหลีกเลี่ยงการใช้ leverage มากเกินไป เนื่องจากราคาอาจมีความผันผวน
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น