
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อวานนี้ โดยสามารถกลับมายืนเหนือ 3,300 เหรียญได้อย่างมั่นคง โดยช่วงปลายตลาดดีดกลับขึ้นมาปิดแถวบริเวณ 3,315 เหรียญ และในช่วงเช้านี้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 50 เหรียญทะลุ 3,340 เหรียญขึ้นมา การปรับขึ้นในครั้งนี้มีนัยสำคัญอย่างมากในเชิงเทคนิคที่สามารถปิด GAP ที่เคยเปิดไว้ได้ ขณะที่ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทั้งระยะ 2 ปีและ 10 ปี มีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สหรัฐฯพยายามขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 20 ปี โดยให้ผลตอบแทน 5% แต่กลับมีผู้ซื้อน้อยมาก ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะ 30 ปีก็ปรับสูงขึ้นเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าบรรดาประเทศต่างๆยังเชื่อว่าดัชนีดอลลาร์จะยังคงอ่อนค่าในระยะยาว จากปัจจัยดังกล่าวจึงน่าจะเป็นตัวนำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และเชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้ ทองคำน่าจะทดสอบ จุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 3,500 เหรียญได้ นอกจากนี้จีนนำเข้าทองคำ 127.5 ตันในเดือนเมษายน ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงพยายามโน้มน้าวสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ยังคงมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ปธน.ทรัมป์พยายามผลักดันผ่านสภาคองเกรสภายในวันที่ 26 พ.ค. นี้ ภาพรวมทางด้านดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P500, และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงระหว่าง 1.1-1.9% ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเตือนว่า สหรัฐฯ มีระดับการขาดดุลงบประมาณที่สูงเกินไป และจำเป็นต้องเร่งจัดการกับภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 0.74% ปิดที่ 61.57 เหรียญต่อบาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 0.72% ปิดที่ 64.91 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ทางด้านสงครามยังคงมีความตึงเครียด โดยล่าสุดอิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีเป้าหมายในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมก็ตาม โดยหากการโจมตีเกิดขึ้นจริงก็อาจจะทำให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่จีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากที่สหภาพยุโรป (EU) คว่ำบาตรบริษัทต่าง ๆ ของจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัสเซียโดยไร้เหตุผล สำหรับวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Unemployment Claims, Flash Services PMI และ Existing Home Sales คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ขณะที่ Flash Manufacturing PMI คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงจากเดิม ด้านดัชนีดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องหลังจากหลุดระดับ 100 จุดลงมาเมื่อวาน โดยเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 99.98 จุด และเคลื่อนไหวระหว่าง 99.33-99.99 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ 99.52 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 33.03 บาทต่อดอลลาร์ และเช้านี้อยู่ที่ 32.64 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำของไทยกลับมายืนเหนือ 51,000 บาทต่อบาททองคำได้อย่างมั่นคง และเช้านี้อยู่ที่ 51,550 บาทต่อบาททองคำ

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ภาพรวมทางด้านเทคนิคยืนยันการขึ้นของทองคำ โดยขึ้นมาปิด GAP ที่เคยเปิดทิ้งไว้เมื่อสองวันก่อน และเป็นการ Break out จากภาพของเทคนิค W-shape ขึ้นมา เป็นการยืนยันภาพทางเทคนิคอย่างรวดเร็วว่าราคาทองคำเริ่มเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้น โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,310 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,370 เหรียญ ยังคงแนะนำให้ซื้อหรือขายทำกำไรเป็นช่วงๆ โดยให้เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และยังเชื่อว่าราคาทองคำน่าจะกลับมายืนเหนือ 3,400 เหรียญ และ 3,500 เหรียญได้อีก
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,330 เหรียญ และแนวต้าน 3,390 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,310 เหรียญ และแนวต้าน 3,370 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 51,200 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,800 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series M25 จะมีแนวรับที่ระดับ 51,650 บาท และแนวต้านที่ระดับ 52,350 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แบ่งปิดสถานะซื้อ เพื่อทำกำไรบางส่วน ยังเน้นเทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น และปิดทำกำไรตามรอบ เน้นเทรดระยะสั้นลง ระวังเเรงเทขายทำกำไร
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น