ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อวันจันทร์แถวบริเวณ 3,382 เหรียญ โดยในวันจันทร์ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 80 เหรียญภายในวันเดียว โดยปัจจัยที่สนับสนุน น่าจะมาจากสงครามรัสเซียและยูเครน โดยยูเครนเปิดฉากโจมตีเครื่องบินรบรัสเซียตามฐานทัพ 4 แห่ง ที่ยูเครนอ้างว่าทำลายเครื่องบินรัสเซียได้อย่างน้อย 40 ลำ โดยปฏิบัติการนี้ใช้โดรน 117 ลำ และเป็นฝีมือของหน่วยงานความมั่นคงยูเครน ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่มีแนวโน้มสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง จะหารือกันภายในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เพิ่งกล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ขณะที่จีนออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงเมื่อวานนี้ที่ระดับ 3,333 เหรียญ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงตกต่ำ และพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond) ถูกเทขาย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.446% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 3.949% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.5% รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี และพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีแรงเทขายเข้ามาค่อนข้างมาก สำหรับตลาดทุนของสหรัฐฯ ดัชนี ดาวโจนส์, S&P 500 และ แนสแดก อยู่ในสภาวะทรงตัวหลังดีดตัวกลับขึ้นมา รับข่าวดีของการเจรจาการค้า ด้านราคาน้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.42% ปิดที่ 63.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 65.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ADP Non-Farm Employment Change และ ISM Services PMI คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ในส่วนของดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากวันพฤหัสบดีขึ้นไปที่ระดับ 100.54 จุด ขณะที่เมื่อวานปรับตัวร่วงลงมาที่ระดับ 99 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทภาพรวมกลับมาแข็งค่าขึ้น เช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาพรวมของค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาจากดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคาทองคำ โดยราคาทองคำเมื่อวานปรับตัวลดลง แต่ค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้น

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำบ่งชี้ว่าอยู่ในสภาวะที่ "หยุดลง" หลังจากที่ราคาทองคำทำ จุดต่ำสุด (Low) ที่ระดับ 3,275 เหรียญ ซึ่งถือเป็น Higher Low ครั้งที่ 2 โดยจุดต่ำสุดก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 3,120 เหรียญ และ 3,250 เหรียญ และ 3,275 เหรียญตามลำดับ จากรูปแบบ Higher Low นี้ จึงคาดการณ์ได้ว่าภาพรวมของราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเป็น Higher Low ซึ่งบ่งบอกถึงสภาวะที่อาจจะ "กลับทิศ" และ "หยุดการปรับตัวลง" ได้ โดยมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 3,350 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,390 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,365 เหรียญ และแนวต้าน 3,405 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,350 เหรียญ และแนวต้าน 3,390 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 51,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 52,100 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series M25 จะมีแนวรับที่ระดับ 52,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 52,700 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำให้ซื้อขายในกรอบ ตามแนวโน้ม “Sideway Up” รอย่อซื้อมาราคาย่อตัว และแบ่งขายปิดทำกำไรตามกรอบแนวต้าน ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของราคา
นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น