
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันศุกร์ โดยลงไปต่ำสุดที่ระดับ 3,255 เหรียญ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับแนวรับสำคัญทางเทคนิคระยะกลางที่ระดับ 3,250 เหรียญ ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 3,274 เหรียญ เรียกได้ว่า ภาพรวมตลาดทองคำเริ่มเข้าสู่ภาวะการปรับฐานและชะลอตัวลง หลังจากที่ตลาดคลายความกังวลจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมทั้งสหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงการค้าเป็นอันดับต้นๆ และทำเนียบขาวมีแผนที่จะเซ็นข้อตกลงกับอีก 10 คู่ค้ารายใหญ่ในเร็วๆ นี้ ซึ่งรวมถึงไทยที่จะเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ โดยทรัมป์ส่งสัญญาณขยายเส้นตาย “ภาษีนำเข้า” 8-9 ก.ค.68 ซึ่งภาพรวมตลาดคาดหวังว่าบรรยากาศการเจรจาจะดีขึ้น แม้ว่าการเจรจาดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันให้กับทุกฝ่ายค่อนข้างมาก เพื่อแลกกับการไม่ต้องเสียภาษีเต็มอัตรา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ ได้แก่ Core PCE Price Index m/m และ Revised UoM Consumer Sentiment ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ ด้านดัชนีดอลลาร์อยู่ในแนวโน้มทิศทางอ่อนค่า โดยเมื่อวันศุกร์เปิดที่ระดับ 97.33 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 97-97.50 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 97.25 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทเมื่อวันศุกร์เปิดที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.56 บาทต่อดอลลาร์ ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.281% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 3.738% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ 0.54% ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่หันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้น 7 นางฟ้า (กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่) ทำให้ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นทำ All Time Highใหม่ในหลายๆ ตัว แสดงถึงภาพรวมที่นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ร่างกฎหมายสำคัญของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Big Beautiful Bill) ผ่านความเห็นชอบของสมาชิกวุฒิสภาแล้ว หลังการเจรจาเข้มข้นหลายสัปดาห์ และเตรียมถูกส่งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติรับรองต่อไป โดยฝ่ายนิติบัญญัติกำลังผลักดันให้สามารถผ่านร่างกฎหมายนี้ ก่อนจะส่งถึงทำเนียบขาวให้ทันประกาศได้ภายในเส้นตายของทรัมป์ในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา ขณะที่ด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 65.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 67.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ทางด้านเทคนิคในระยะสั้นราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลง หลังจากที่หลุดแนวรับสำคัญแถวบริเวณ 3,300 เหรียญลงมา และมีแนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่ 3,250 เหรียญ และแนวรับในระยะยาวอยู่ที่ 3,190 เหรียญ สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้ คาดการณ์ว่าจะมีแนวรับที่ระดับ 3,250 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,300 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,295 เหรียญ และแนวต้าน 3,345 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,260 เหรียญ และแนวต้าน 3,310 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,200 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 50,800 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q25 จะมีแนวรับที่ระดับ 50,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 51,200 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำปิดขายทำกำไร และลดสถานะการซื้อ หรือ Long position เพื่อบริหารความเสี่ยง ตามแนวโน้มขาลง
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ลดสถานะการซื้อ หรือ Long position ในระยะสั้นต้องระมัดระวังแรงขาย
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับ แต่ไม่แนะนำให้ถือในระยะยาว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน และควรมีจุด Stop Loss
ข่าวเด่น