
ทิศทางราคาทองคำ
ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 40 เหรียญ โดยกลับขึ้นมายืนเหนือ 3,300 เหรียญได้อีกครั้ง โดยเมื่อวานช่วงเช้าราคาทองคำร่วงลงไปทดสอบที่ระดับ 3,244 เหรียญ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มาปิดที่ระดับ 3,303 เหรียญ และเช้านี้ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 3,320 เหรียญ โดยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้น่าจะมาจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์เป็นหลัก โดยเมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์เปิดที่ระดับ 97.18 จุด และเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 96.76-97.31 จุด และเช้านี้อยู่ที่ 96.71 จุด ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นการอ่อนค่าในรอบ 3 ปี ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานประมาณ 25 สตางค์ โดยเช้านี้อยู่ที่บริเวณ 32.45 บาทต่อดอลลาร์ ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดเดิมที่ระดับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์เมื่อเดือนมิ.ย. ซึ่งหากหลุดระดับดังกล่าวลงไปจะกลายเป็น All-Time Low ในรอบ 1 เดือน อย่างไรก็ดี จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาแล้ว 27% ในขณะที่ราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นเพียง 18% แสดงให้เห็นว่าภาพรวมราคาทองไทยปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าราคาทองคำตลาดโลก ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 2.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 952.53 ตัน สะท้อนให้เห็นว่า SPDR ในปัจจุบันมีการซื้อขายที่รวดเร็วกว่าสมัยก่อนมาก ดังนั้นในไตรมาส 3 ยังคงวิเคราะห์ว่าราคาทองคำน่าจะขึ้นไปทดสอบ จุดสูงสุดเดิมที่ระดับล 3,500 เหรียญได้ ขณะที่ภาพรวมของสงครามการค้า ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมากล่าวว่า ไม่มีแผนที่จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าหลังจากวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่กำหนดไว้ และรัฐบาลของเขาจะส่งจดหมายแจ้งไปยังประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บกับประเทศดังกล่าว เว้นแต่จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนด ดังนั้นจึงคาดว่าเฟดน่าจะปรับลดดอกเบี้ยได้ยาก หากยังคงยืนกรานเรื่องเป้าหมายเงินเฟ้อ และในเดือนถัดๆไป คาดว่าเงินเฟ้อจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับนักลงทุนในขณะนี้หันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเกือบทั้งหมด โดยดัชนี S&P และดัชนี Nasdaq ทำ All-Time High ขณะที่ SET ของไทยก็มีการรีบาวด์ขึ้น ภาพรวมราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยเช้านี้ราคาทองไทยขึ้นมาที่ระดับ 50,950 บาทต่อบาททองคำ หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 49,750 บาทในเมื่อวานนี้ สำหรับวนนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ISM Manufacturing PMI และ ISM Manufacturing Prices คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ขณะที่ JOLTS Job Openings คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงจากเดิม

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจากสามารถกลับมายืนเหนือระดับ3,300 เหรียญได้ โดยหากในช่วงสัปดาห์นี้ราคาทองคำไม่หลุดต่ำกว่า 3,300 เหรียญ จะเป็นการยืนยันได้ว่าราคาทองคำ Bottom out อีกครั้ง และการที่ราคาทองคำเคยลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 3,250 เหรียญ ยังถือว่าไม่ต่ำมากนัก ดังนั้นราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นอีกครั้งต้องกลับไปยืนเหนือ 3,390 เหรียญได้ ถึงจะเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 3,300 เหรียญ และมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,350 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,345 เหรียญ และแนวต้าน 3,395 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,310 เหรียญ และแนวต้าน 3,360 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,300 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q25 จะมีแนวรับที่ระดับ 50,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 51,400 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำให้ซื้อขายในกรอบ ตามแนวโน้ม “Sideways” รอย่อซื้อมาราคาย่อตัว และแบ่งขายปิดทำกำไรตามกรอบแนวต้าน ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของราคา
-นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น