ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (18 ก.ค.68) บวก 0.77 จุดทดัชนีอยู่ที่ 1,198.88 จุด


ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (18 ก.ค.68) ดัชนีอยู่ที่ 1,198.88 จุด บวก 0.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,227.70 ล้านบาท

บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 229 จุด +0.5% ขณะที่ Nasdaq , S&P500 ปิดทำ New High ได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1% หลังมีรายงานว่าบ่อน้ำมันของอิรักถูกโจมตี เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ประกาศยอดค้าปลีกประจำเดือน มิ.ย. พบว่า ขยายตัว 0.6%MoM ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 0.1%MoM ขยายตัวเด่นในสินค้าจำพวกยานยนต์และส่วนประกอบ +1.2%MoM เสื้อผ้าและเครื่องประดับ +0.9%MoM ขณะที่สินค้าอื่นๆก็ขยายตัวได้เช่นกัน สะท้อนถึงอุปสงค์ของสหรัฐฯ ยังไปได้ดี ทำให้พบเห็นว่าค่าเงิน Dollar Index เริ่มขยับขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังความกังวลด้านดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไปอาจทำให้ FED ตัดสินใจไม่ลดดอกเบี้ย ข้อมูลจาก CME FED Watch ล่าสุดให้ที่ทั้งปี 25 FED จะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง 

ส่วนปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ ซึ่งวานนี้ Bloomberg ได้สัมภาษณ์หนึ่งในคณะเจรจากับสหรัฐฯ ทีม Thailand ได้ข้อมูลดังนี้ โดยไทยจะยื่นข้อเสนอสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ กว่า 90% ให้ภาษีเป็น 0% จากเดิมทีที่วางแผนไว้เพียง 60% ของสินค้าทั้งหมด พร้อมกับมีแผนจะลดขาดดุลการค้าที่ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯลงให้ได้ 70% ภายในสามปีและนำไปสู่ดุลการค้าที่จะสมดุลมากขึ้น หนึ่งในทีมเจรจาเชื่อว่าข้อเสนอที่จะมอบให้กับสหรัฐฯ นั้นของไทยมีศักยภาพมากกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย 

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้วยังมีข้อเสนอเพิ่มการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ จำพวกแก๊สธรรมชาติ เครื่องบิน BOEING สินค้าเกษตรต่างๆ (ข้าวโพด ถั่วเหลือง) ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยต้นทุนผู้ประกอบการในไทยจากการที่ต้นทุนสหรัฐฯค่อนข้างต่ำ พร้อมเชื่อว่าจะสามารถเจรจาเสร็จทันก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. โดยคาดหวังอัตราภาษีในระดับ 18 – 20% 

ทั้งนี้หากสามารถลดภาษีจาก 36% มาอยู่ในกรอบ 18-20% ก็จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยถือว่าใกล้เคียงกับภูมิภาค แต่หากลดลงได้ในระดับ 15% ลงไปจะทำให้ศักยภาพของไทยถือว่าแข็งแกร่ง และตลาดหุ้นก็น่าจะตอบรับเชิงบวก ซึ่งวานนี้เชื่อว่า SET INDEX ที่ปรับขึ้นมา 3.5% และนับจากจุดต่ำสุดแล้วราว 12% ส่วนหนึ่งก็คือการความหวังเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ 

แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยข้างต้นอาจไม่ใช่สิ่งที่เพิ่ม Upside ตลาดหุ้นไทยเป็นเพียงตัวจำกัด Downside Risk เชิงเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนมากกว่า ในเชิงปัจจัยพื้นฐานของไทยยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ทิศทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังมีความน่ากังวลเพราะการเติบโตจะลดลงหากเทียบครึ่งปีแรก ผสานกับการท่องเที่ยวที่ยังคงลดลงและยังไม่เห็นการฟื้นตัว ในเชิง Valuation จากการที่ SET ปรับขึ้นมาทำให้ Forward PE ขึ้นมาที่ 13.2 เท่า หากเทียบกับอดีตก็อาจไม่แพงเพราะเคยไปซื้อขายในช่วง 15-16 เท่า แต่การเติบโตของไทยจากนี้อาจไม่เหมือนในอดีต โดยที่ Hang Seng , Kospi ซื้อขายในช่วง PE เพียง 11 เท่า การปรับขึ้นจากนี้จึงควรระมัดระวังมากกว่าจะไล่ราคา 

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1185 -1210 จุด  เชิงกลยุทธ์การลงทุนควรเริ่มมองฝั่งทยอยทำกำไรมากกว่าจะเพิ่มความกล้าลงทุนด้วย Valuation เริ่มแพงผสานกับปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตามหากรับความเสี่ยงได้ อาจ Trading ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก BJC CPALL HMPRO ศูนย์การค้า CPN ธนาคารพาณิชย์ BBL KBANK KTB SCB การเงิน MTC SAWAD

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ก.ค. 2568 เวลา : 10:51:38

19-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 19, 2025, 8:29 am