
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยเมื่อวานนี้มีบางช่วงที่ราคาทองคำปรับลงไปแตะระดับ 3,310 เหรียญ ก่อนจะกลับมาปิดที่ระดับ 3,340 เหรียญ และเช้านี้ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3,340 เหรียญ ซึ่งยังคงเป็นการแกว่งตัวในกรอบเดิม ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 98.34 จุด และยังคงทรงตัวอยู่ระหว่าง 98.33-98.95 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 98.43 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานนี้เปิดที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ และมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 32.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งกำลังก่อตัวเป็นรูปแบบ Head & Shoulders โดยถ้าค่าเงินบาทหลุดแนวรับดังกล่าวนี้ มีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าไปถึง 31 บาทต่อดอลลาร์ได้ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาคการส่งออก ส่งผลให้ราคาทองไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้ที่ระดับ 51,300 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 51,150 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ได้แก่ Core Retail Sales m/m, Retail Sales m/m และ Philly Fed Manufacturing Index ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ ขณะที่ Unemployment Claims ออกมาลดลงจากที่คาดการณ์ บ่งชี้ถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การแข็งแกร่งนี้อาจอยู่ในช่วงที่ภาคธุรกิจและประชาชนกำลังปรับตัว ซึ่งภาวะสงครามการค้าดูเหมือนจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจมากนัก ยกเว้นเพียงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ออกมาสูงขึ้น ส่วนภาคการผลิตและการใช้จ่ายยังคงดูดี ขณะที่การนำเข้าทองคำในเดือนมิถุนายนลดลงถึง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เหลือเพียง 21 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองปี (นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2566) การลดลงครั้งนี้เป็นผลมาจาก ราคาที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ความต้องการทองคำในประเทศลดลงอย่างมาก สำหรับวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Prelim UoM Consumer Sentiment คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นจากเดิม ภาพรวมราคาทองคำยังคงแกว่งตัวและรอดูตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ๆ ขณะที่คอมเมนต์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จากหลายสาขา เริ่มมีเสียงแตก บางส่วนมีความเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยได้แล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังคงคิดว่าไม่ควรปรับลดดอกเบี้ยในขณะนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูง ตลาดยังคงให้ความสนใจกับข่าวที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ประธานเฟดบางสาขาคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยได้ประมาณ 1-2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เมื่อประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ หมดวาระในปีหน้า ทรัมป์น่าจะเลือกคนของตัวเองเข้ามาคุม ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสามารถปรับลดลงได้ตามความต้องการของทรัมป์เอง ซึ่งในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4.50% ซึ่งทำให้ภาครัฐบาลบริหารจัดการได้ยาก และถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาครัฐบาล

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิคราคาทองคำยังคงอยู่ในสภาวะทรงตัวโดยเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ระหว่าง 3,300-3,350 เหรียญ และยังคงแนะนำใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาแถวบริเวณ 3,310 เหรียญ ซึ่งถ้าราคาทองคำไม่หลุด 3,300 เหรียญลงมา ยังเชื่อว่าภาพรวมของราคาทองคำน่าจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะถัดไป สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,320 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,350 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,355 เหรียญ และแนวต้าน 3,385 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,325 เหรียญ และแนวต้าน 3,355 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 50,900 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 51,500 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Q25 จะมีแนวรับที่ระดับ 51,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 52,000 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำให้ซื้อขายในกรอบ ตามแนวโน้ม “Sideways” รอย่อซื้อมาราคาย่อตัว และแบ่งขายปิดทำกำไรตามกรอบแนวต้าน ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของราคา
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น