(440)(496).jpg)
ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (23 ก.ค.68) ดัชนีอยู่ที่ 1,204.02 จุด บวก 12.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,604.87 ล้านบาท
บล.พาย ระบุ ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 179 จุด +0.4% ส่วน S&P500 ขยับขึ้นเล็กน้อยทั้งนี้นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับผลประกอบการที่ทยอยประกาศ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.9% ท่ามกลางความคาดหวังที่ลดน้อยลงเกี่ยวกับการบรรลุการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ EU ซึ่งอาจกดดันอุปสงค์
เมื่อคืนที่ผ่านมาฝั่งสหรัฐฯ ไม่ได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญประกาศออกมา ทำให้การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆค่อนข้างทรงตัวไม่ว่าจะเป็น Bond Yield, ตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงปรับขึ้น ปัจจัยหนุนหลักจากการอ่อนค่าของ Dollar Index
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศพบข้อมูลล่าสุดคือ ทรัมป์ได้ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับทางฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์จะยอมให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ปลอดภาษี แลกกับการที่สหรัฐฯจะคิดภาษีนำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% นอกจากนี้ยังพร้อมจะร่วมมือกันทางทหารและล่าสุดเช้านี้ได้ประกาศข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศให้ค้าขายรวมถึงรถยนต์และรถบรรทุก โดยญี่ปุ่นจะยอมจ่ายภาษีอัตรา 15% ให้กับสหรัฐฯ
ส่วนประเทศไทยยังคงรอความคืบหน้า ข้อมูลล่าสุดระบุว่าในวันนี้จะทำการยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้สหรัฐฯพิจารณา ทางรัฐมนตรีคลังเชื่อว่าไทยจะได้ปรับลดภาษีจากระดับ 36% มาอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับภูมิภาค
สำหรับผลประชุมครม.วานนี้ พบว่าได้แต่งตั้งคุณวิทัยขึ้นดำรงค์ตำแหน่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจะเริ่มทำงานในช่วง 1 ต.ค. จากการให้ข้อมูลช่วงที่ผ่านมาของคุณวิทัย มักเสนอแนวคิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรทำงานควบคู่กับหลายๆ หน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับนโยบายเน้นแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนึ่งในนั้นคือการลดดอกเบี้ยเงินกู้ เน้นการตัดเงินต้นมากขึ้น แม้การลดดอกเบี้ยที่คุณวิทัยมักหยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในมาตรการ ซึ่งอาจเป็นบวกกับกลุ่มการเงิน
แต่อย่างไรก็ตามในอีกนัยยะหนึ่งอาจเห็นการเข้าไปควบคุมมากขึ้นเกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้ของกลุ่ม Non Bank อนึ่งราคาหุ้นในกลุ่ม Non Bank ก็ปรับขึ้นมา 11% จากจุดต่ำสุดนับว่า Price In ไปบ้าง จึงอาจไม่ถึงกับบวกกับหุ้น Non Bank มากเท่าใดนัก แต่หากหนี้ครัวเรือนแก้ปัญหาได้สำเร็จมองกลุ่มอิงการบริโภครับประโยชน์ CPALL BJC CRC HMPRO รวมไปถึงอสังหา AP SPALI นอกจากนี้ด้วยนโยบายการเงินอาจผ่อนคลายมากขึ้นจะหนุนให้บาทอ่อนค่า ซึ่งบวกกับกลุ่มส่งออก (ITC TU)
ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 4 ล้านหลังคาเรือน
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1180 – 1200 จุด อาจเห็นการฟื้นตัวระยะสั้นบ้างจากวานนี้ปรับฐานลงมาแต่ก็ยังเชื่อว่า Upside จำกัด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเป็นเพียงการ Trading ระยะสั้นและยังไม่แนะนักลงทุนระยะกลางสะสม หุ้นแนะนำระยะสั้นได้แก่กลุ่มโรงพยาบาล BDMS ธนาคารที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะ SCB กลุ่มค้าปลีก BJC CRC CPALL HMPRO อสังหาฯ AP SPALI
ข่าวเด่น