(426)(463).jpeg)
ตลาดหุ้นเปิด วันที่ 15 ก.ย. 2568 เปิดตลาดปรับลดลง 1.52 จุด หรือ 0.12% อยู่ที่ 1,292.10 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,708.22 ล้านบาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า เช้านี้ตลาดหุ้นไทยคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,280 – 1,300 จุด ตั้งแต่วันนี้จนถึงกลางสัปดาห์นี้ โดยระดับ 1,300 จุด เป็นแนวต้านสำคัญที่คาดว่า จะยังไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ สาเหตุมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มเทขายทำกำไร หลังจากที่เก็งกำไรหุ้นไทยจากความชัดเจนทางการเมืองมาสักระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังต้องจับตาผลประชุม 3 ธนาคารกลางทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ในสัปดาห์นี้ซึ่งตลาดให้ความสำคัญกับการประชุมของทั้ง 3 ธนาคารกลางหลักดังกล่าว โดยคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่จะลดถึง 0.50%ได้เช่นกัน แต่ทว่าหากมีการลดไปในอัตรา 0.50% ตลาดต่างประเทศรวมถึงตลาดหุ้นไทย อาจมีการตอบรับในเชิงลบได้ เนื่องจากอาจตีความได้ว่าเฟดลดดอกเบี้ยช้าเกินไป
สำหรับนักลงทุนวันนี้ เน้นหุ้นในประเทศ เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยกลุ่มที่แนะนำเป็นกลุ่มธนาคารในช่วงต้นสัปดาห์ สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK และให้ขายออกในช่วงใกล้วันพุธหรือวันที่มีการประชุมธนาคารกลาง
รวมถึงหุ้น PTT เริ่มมีความชื่นชอบมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่อาจมีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซในประเทศ จึงมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพิ่ม หากราคาหุ้น PTT ย่อตัวลงมาที่ระดับ 33 บาท
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน ที่ระดับ 55.4 จุด ลดลงจากเดือนก่อนที่ 58.2 ต่ำกว่าคาดที่ 58.0 จุด และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 5-10 ปี คาดที่ระดับ 3.9% เร่งขึ้นจากคาดที่ 3.4% สะท้อนภาวะความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในช่วงถัดไป แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงคาด อย่างไรก็ดีอาจเป็นจุดสำคัญต่อการตัดสินใจของ FED ในการกำหนดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงถัดไป
โดยสำหรับสัปดาห์นี้แนะติดตาม ประเด็นสำคัญคือการประชุม FED วันที่ 16-17 ก.ย. โดยคาดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และยังต้องติดตามแนวโน้ม Dot plot รวมถึงถ้อยแถลงของเจอโรม โพเวล เช่นกัน
ส่วนปัจจัยในประเทศ อยู่ในช่วงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี และคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่คาดเข้ามาช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น โดยเฉพาะมาตรการที่อิงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก จึงภือเป็นแรงหนุนบวกต่อภาพ SET ที่ยังน่าสะสม หลังทดสอบระดับ 1,300 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นเน้นกลยุทธ์ย่อตั้งรับ โดยอิงกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐฯ เช่น กลุ่มค้าปลีก ไฟแนนซ์ เครื่องดื่ม และโรงพยาบาล เป็นต้น
ข่าวเด่น