(225)(279).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 45,757.90 จุด ลดลง 125.55 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,606.76 จุด ลดลง 8.52 จุด หรือ -0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,333.96 จุด ลดลง 14.79 จุด หรือ -0.07% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันนี้ (17 ก.ย. ) เพื่อพยุงตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างมาก ส่วนข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนแปลงความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากนัก
อย่างไรก็ดี นักกลยุทธ์การลงทุนบริษัท Private Wealth Management กล่าวว่า ข้อมูลใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะยิ่งตอกย้ำมุมมองของกรรมการเฟดสายเหยี่ยวในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) และอาจจะทำให้เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แสดงความเห็นในเชิงสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนก.ค.
นักลงทุนแทบไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้สตีเฟน มิแรน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว เข้าดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด แทนเอเดรียนา คูเกลอร์ ที่ประกาศลาออกก่อนครบวาระ รวมทั้งข่าวที่ว่าศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะปลด ลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.8% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง 0.66% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยพุ่งขึ้น 1.7% ตาด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้น 0.8%
ข่าวเด่น