ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ แม้จะไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เนื่องจากได้รับแรงซื้อค่อนข้างมากจากกองทุนทองคำ SPDR ในวันศุกร์ซื้อเข้า 18.9 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 994.56 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ซื้อสุทธิ 16.88 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 122.04 ตัน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เมื่อวันศุกร์เปิดที่ระดับ 97.34 จุด และเคลื่อนตัวระหว่าง 97.27-97.80 จุด ขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 97.80 จุด เรียกได้ว่าดัชนีดอลลาร์ยังคงทรงตัวอยู่เหนือ 97 จุด ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง โดยมาอยู่ที่ระดับ 31.84 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ จากสัปดาห์ที่แล้วที่แข็งค่าขึ้นไปถึง 31.65 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องเข้ามาดูแลมากขึ้น
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาทองไทยทำจุดสูงสุด All-Time High ที่บริเวณ 55,500 บาทต่อบาททองคำ สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ระดับ 3,660 เหรียญ และแนวต้านที่ 3,700 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,665 เหรียญ และแนวต้าน 3,705 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 3,690 เหรียญ และแนวต้าน 3,730 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 55,200 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 55,800 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series V25 จะมีแนวรับที่ระดับ 55,650 บาท และแนวต้านที่ระดับ 56,100 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่าง ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ทองคำยังอยู่ในกรอบทิศทางขาขึ้น แต่ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น แนะนำให้แบ่งปิดสถานะซื้อ เพื่อทำกำไรบางส่วน ยังเน้นเทรดซื้อขายตามกรอบแนวโน้มทิศทางขาขึ้น หาจังวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวและปิดทำกำไรตามรอบ
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ทยอยปิดทำกำไรเป็นรอบๆ เน้นเทรดระยะสั้นลง รอจังหวะเปิดสถานะใหม่เมื่อราคาย่อตัว เฝ้าติดตามราคาทองคำระหว่างวัน
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ยังไม่แนะนำให้ถือสถานะ Short หากเปิดสถานะใหม่ควรรอเปิดสถานะบริเวณแนวต้าน และมีจุด Stop Loss ทุกครั้ง
ข่าวเด่น