(279)(345).jpg)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (23 ก.ย.68) ที่ระดับ 31.78 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 31.76-31.83 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่า สลับกับการทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ และการทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่ของราคาทองคำ (XAUUSD) อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์และปรับสถานะถือครอง (เพิ่มสถานะ Short THB) โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นต่างชาติ ซึ่งมีมุมมองเชิงลบต่อเงินบาทมากขึ้น หลังมีกระแสข่าวทางรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกมาตรการลดการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งในช่วงก่อนหน้าได้มีการพูดถึง มาตรการในการลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Oracle +6.3%, Apple +4.3% และ Nvidia +3.9% ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.70% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.44%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.13% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม ทว่าตลาดหุ้นยุโรปก็พอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง ASML +2.2% ส่วนหุ้นกลุ่มยา อย่าง Roche +2.3% ก็ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเข้าแข่งขันในตลาดยาลดน้ำหนักที่กำลังเติบโตได้ดี
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ กอปรกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งส่วนใหญ่ส่งสัญญาณไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4.15% โดยเราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลง ซึ่งต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด อนึ่ง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่า ก่อนสลับมาอ่อนค่าลง ตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งให้ความเห็นต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่แตกต่างกัน โดยในส่วนของ Stephen Miran (Board of Governor คนใหม่) ก็ยังคงสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด เพื่อลดความเสี่ยงต่อตลาดแรงงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดอีก 3 ท่าน กลับส่งสัญญาณระมัดระวังการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด ก็มีส่วนกดดันเงินดอลลาร์เพิ่มเติม ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 97.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.3-97.6 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และความต้องการถือทองคำ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการเงินเฟด (ที่อาจถูกแทรกแซงโดยการเมืองมากขึ้น) รวมถึงความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์แถวโซน 3,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ก็มีส่วนชะลอการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนกันยายน ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยจะเริ่มจาก ฝั่งยูโรโซน (รับรู้ในช่วง 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ฝั่งอังกฤษ (รับรู้ช่วง 15.30 น.) และฝั่งสหรัฐฯ (รับรู้ในช่วง 20.45 น.)
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลดัชนี PMI ดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ ประธานเฟด Jerome Powell (ในช่วงราว 23.35 น.) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า นับตั้งแต่ช่วงบ่ายวันก่อนหน้า เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้น สวนทางกับที่เราประเมินไว้พอสมควร แม้ว่าจะเผชิญแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ ตามที่เราได้ประเมินไว้ก็ตาม โดยปัจจัยสำคัญที่หนุนเงินบาท ยังคงเป็นการทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ รวมถึง การพลิกกลับมาอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า เงินบาท (รวมถึงเงินดอลลาร์) ยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทยอยออกมาดีกว่าคาด ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย อย่างที่ตลาดคาดหวัง ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หนุนการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะกลับมากดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้
ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด แม้บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดหวัง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังคงมั่นใจต่อมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟดที่ได้ประเมินไว้ ซึ่งอาจยิ่งกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ให้ปรับตัวลดลง หนุนราคาทองคำและเงินบาทได้
เราประเมินว่า แม้ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท แต่ในเชิงเทคนิคัลและสถิติ เราพบว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจชะลอลงและเข้าสู่ช่วงการพักฐาน (Correction) ได้ หากราคาทองคำ (XAUSUD) ปรับตัวขึ้นสู่โซน 3,800-3,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งจะเป็นโซนที่ราคาทองคำปรับตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว อย่าง เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เกิน 20% ซึ่งมักจะเกิดการพักฐาน ทำให้เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท หากเกิดขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด
นอกจากนี้ เราคงมองว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจยังคงเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมบ้าง ส่วนผู้เล่นต่างชาติบางส่วนก็ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อเงินบาท เพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทและทำให้ เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก
อนึ่ง หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจากกลยุทธ์ Trend-Following อีกทั้ง เราพบว่า บรรดานักวิเคราะห์ต่างชาติหลายแห่ง ได้ทยอยประเมินความเสี่ยงเงินบาทอาจอ่อนค่าลง และมีการแนะนำ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้จริง ก็อาจเห็นโฟลว์ธุรกรรม Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) เพิ่มเติม จากบรรดาผู้เล่นต่างชาติ ซึ่งอาจเร่งการอ่อนค่าของเงินบาทในระยะสั้นได้
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.70-31.90 บาท/ดอลลาร์
ข่าวเด่น