ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (23 ก.ย.68) ทรงตัว ที่ระดับ 31.78 บาทต่อดอลลาร์


 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (23 ก.ย.68) ที่ระดับ  31.78 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 31.76-31.83 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่า สลับกับการทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ และการทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่ของราคาทองคำ (XAUUSD) อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์และปรับสถานะถือครอง (เพิ่มสถานะ Short THB) โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นต่างชาติ ซึ่งมีมุมมองเชิงลบต่อเงินบาทมากขึ้น หลังมีกระแสข่าวทางรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกมาตรการลดการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งในช่วงก่อนหน้าได้มีการพูดถึง มาตรการในการลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Oracle +6.3%, Apple +4.3% และ Nvidia +3.9% ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.70% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.44% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.13% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม ทว่าตลาดหุ้นยุโรปก็พอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง ASML +2.2% ส่วนหุ้นกลุ่มยา อย่าง Roche +2.3% ก็ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเข้าแข่งขันในตลาดยาลดน้ำหนักที่กำลังเติบโตได้ดี 

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ กอปรกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งส่วนใหญ่ส่งสัญญาณไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4.15% โดยเราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลง ซึ่งต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด อนึ่ง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่า ก่อนสลับมาอ่อนค่าลง ตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งให้ความเห็นต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่แตกต่างกัน โดยในส่วนของ Stephen Miran (Board of Governor คนใหม่) ก็ยังคงสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด เพื่อลดความเสี่ยงต่อตลาดแรงงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดอีก 3 ท่าน กลับส่งสัญญาณระมัดระวังการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด ก็มีส่วนกดดันเงินดอลลาร์เพิ่มเติม ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 97.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.3-97.6 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และความต้องการถือทองคำ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการเงินเฟด (ที่อาจถูกแทรกแซงโดยการเมืองมากขึ้น) รวมถึงความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์แถวโซน 3,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ก็มีส่วนชะลอการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนกันยายน ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยจะเริ่มจาก ฝั่งยูโรโซน (รับรู้ในช่วง 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ฝั่งอังกฤษ (รับรู้ช่วง 15.30 น.) และฝั่งสหรัฐฯ (รับรู้ในช่วง 20.45 น.) 

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลดัชนี PMI ดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ ประธานเฟด Jerome Powell (ในช่วงราว 23.35 น.) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า นับตั้งแต่ช่วงบ่ายวันก่อนหน้า เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้น สวนทางกับที่เราประเมินไว้พอสมควร แม้ว่าจะเผชิญแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ ตามที่เราได้ประเมินไว้ก็ตาม โดยปัจจัยสำคัญที่หนุนเงินบาท ยังคงเป็นการทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ รวมถึง การพลิกกลับมาอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า เงินบาท (รวมถึงเงินดอลลาร์) ยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทยอยออกมาดีกว่าคาด ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย อย่างที่ตลาดคาดหวัง ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หนุนการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะกลับมากดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ 

ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด แม้บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดหวัง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังคงมั่นใจต่อมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟดที่ได้ประเมินไว้ ซึ่งอาจยิ่งกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ให้ปรับตัวลดลง หนุนราคาทองคำและเงินบาทได้ 

เราประเมินว่า แม้ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท แต่ในเชิงเทคนิคัลและสถิติ เราพบว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจชะลอลงและเข้าสู่ช่วงการพักฐาน (Correction) ได้ หากราคาทองคำ (XAUSUD) ปรับตัวขึ้นสู่โซน 3,800-3,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งจะเป็นโซนที่ราคาทองคำปรับตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว อย่าง เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เกิน 20% ซึ่งมักจะเกิดการพักฐาน ทำให้เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท หากเกิดขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด

นอกจากนี้ เราคงมองว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจยังคงเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมบ้าง ส่วนผู้เล่นต่างชาติบางส่วนก็ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อเงินบาท เพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทและทำให้ เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก 

อนึ่ง หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจากกลยุทธ์ Trend-Following อีกทั้ง เราพบว่า บรรดานักวิเคราะห์ต่างชาติหลายแห่ง ได้ทยอยประเมินความเสี่ยงเงินบาทอาจอ่อนค่าลง และมีการแนะนำ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้จริง ก็อาจเห็นโฟลว์ธุรกรรม Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) เพิ่มเติม จากบรรดาผู้เล่นต่างชาติ ซึ่งอาจเร่งการอ่อนค่าของเงินบาทในระยะสั้นได้ 

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.70-31.90 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ก.ย. 2568 เวลา : 10:07:58

23-09-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 23, 2025, 5:37 pm