ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (30 ก.ย.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์


 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (30 ก.ย.68) ที่ระดับ  32.22 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.26 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.20-32.27 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงบ้าง ของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ส่วนราคาทองคำ (XAUUSD) ก็สามารถปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Government Shutdown หลังการเจรจาล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำจากฝั่งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจากทั้งสองสภา ยังไม่ได้ข้อสรุปที่จะนำไปสู่การหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown ได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า สหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะ Government Shutdown ได้ในระยะสั้นนี้ อย่างไรก็ดี รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงทยอยออกมาดีกว่าคาด อย่าง ล่าสุด ยอด Pending Home Sales เดือนสิงหาคมที่ปรับตัวขึ้น +4.0% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าคาด ก็มีส่วนช่วยพยุงเงินดอลลาร์ ไม่ให้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง  

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ โดยเฉพาะหุ้นในธีม AI/Semiconductor อย่าง Nvidia +2.1% นอกจากนี้ ความเสี่ยงภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้น กลับไม่ได้กดดันบรรยากาศตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากนัก ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันบ้าง จากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Exxon Mobil -2.6% หลังราคาน้ำมันดิบดิ่งลง -2.3% จากความกังวลต่อแนวโน้มอุปทานน้ำมันตลาดโลก ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.48% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.26% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้น +0.18% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ ธีม AI/Semiconductor อย่าง ASML +1.6% เช่นเดียวกับฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาแร่โลหะ โดยเฉพาะทองคำ ก็มีส่วนหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ทว่า ตลาดหุ้นยุโรป ก็เผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังง อย่าง Shell -1.5% ตามการปรับตัวลดลงแรงของราคาน้ำมันดิบ 

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร ตามรายงานข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า สหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะ Government Shutdown ในระยะสั้น ทำให้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจมีการเลื่อนประกาศออกไปในช่วงนี้ โดยภาพดังกล่าวทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ยังอยู่แถวโซน 4.15% อนึ่ง เราย้ำว่า ในช่วงระยะสั้น ควรจับตารายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้จริง เราก็ยังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Government Shutdown อย่างไรก็ดี รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ยังพอช่วยพยุงเงินดอลลาร์ได้บ้าง ทำให้ โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวแถวโซน 97.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.7-98.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ความกังวลต่อแนวโน้มสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Government Shutdown ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แถวโซน 3,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) เดือนสิงหาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนกันยายน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อย่างใกล้ชิด โดยการรับรู้ข้อมูลเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้ 

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เช่นเดียวกัน กับฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE และ รายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษ ในไตรมาสที่ 2

ทางฝั่งเอเชียนั้น บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.60% ตามเดิม แต่ RBA อาจไม่ปิดโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม หากจำเป็น นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนกันยายน ซึ่งจะมีทั้งรายงานดัชนี PMI โดยทางการจีน ที่จะเน้นบริษัทขนาดใหญ่และรัฐวิสหากิจ รวมถึง ดัชนี PMI โดยทาง RatingDog (เดิม Caixin) ซึ่งจะเน้นบริษัทขนาดเล็ก-กลาง ส่วนในช่วงราว 6.50 น. ของเช้าวันพุธ นี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลสำรวจภาคธุรกิจ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ Tankan Survey) 

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ประเด็นความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะ Government Shutdown หลังการเจรจาล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำจากฝั่งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจากทั้งสองสภา ยังไม่ได้ข้อสรุปที่จะนำไปสู่การหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown ได้ โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดพนัน (Polymarket) ประเมินโอกาสที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะ Government Shutdown สูงถึง 83% เพิ่มขึ้นจากราว 64% ในช่วงก่อนรับรู้ผลการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำจากฝั่งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจากทั้งสองสภา

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ และเงินบาทได้กลับสู่แนวโน้มอ่อนค่าลง (อย่างน้อยในระยะสั้น) หลังเงินบาท (USDTHB) ได้ทยอยอ่อนค่าลงจนทะลุโซนแนวต้าน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following ซึ่งในช่วงนี้ เรายังคงเห็นบทวิเคราะห์จากต่างชาติหลายแห่งที่ประเมินโอกาสเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้และอาจสามารถอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยหนึ่งในปัจจัยที่มีการพูดถึงพอสมควร คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งภาพดังกล่าวก็สะท้อนผ่านการที่ราคาทองคำสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทว่า เงินบาทกลับไม่ได้รับอานิสงส์ (แข็งค่าขึ้น) เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 

จากความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทกับราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ เรามีความกังวลต่อแนวโน้มการพักฐานของราคาทองคำที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นได้ โดยหากอ้างอิงกับสถิติในอดีต เราพบว่า เมื่อราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวสูงขึ้น เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เกิน +20% ก็มักจะเกิดการพักฐานขึ้น นอกจากนี้ เรามองว่า ช่วงนี้ ราคาทองคำได้แรงหนุนจากความกังวลความเสี่ยงสหรัฐฯ อาจเผชิญ Government Shutdown ซึ่งเราประเมินว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะดังกล่าว แต่ราคาทองคำก็อาจเผชิญแรงขายได้ ในลักษณะ Sell on Fact หรือหากพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต สามารถบรรลุข้อตกลง เพื่อหลีกเลี่ยง Government Shutdown ได้ในวินาทีสุดท้าย ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง ได้เช่นกัน โดยหากราคาทองคำเข้าสู่ช่วงพักฐาน เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ไม่ยาก และมีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านถัดไปในช่วง 32.50 บาทต่อดอลลาร์ อีกทั้งมีความเป็นไปได้ ที่เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าทดสอบโซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของบรรดาบทวิเคราะห์จากต่างชาติ 

ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง แต่เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจไม่ได้รุนแรงมากนัก ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศจากบรรดาผู้เล่นในตลาด ยกเว้นจะเห็นการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างชัดเจน ซึ่งต้องอาศัยรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด (ในช่วงนี้ก็ยังมีความไม่แน่นอนว่า รายงานข้อมูลยอดการจ้างงานสหรัฐฯ จะออกมาตามกำหนดได้หรือไม่ ขึ้นกับความเสี่ยง Government Shutdown ของสหรัฐฯ) โดยเราขอย้ำว่า หากเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องชัดเจน เช่น ทะลุโซนแนวต้าน 32.3032.50 บาทต่อดอลลาร์ อาจทำให้ บรรดาผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาจต้องทยอยปิดสถานะ Long THB (เช่น stop loss) ซึ่งอาจยิ่งหนุนการอ่อนค่าลงของเงินบาทได้ในระยะสั้น 

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.45 บาท/ดอลลาร์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 ก.ย. 2568 เวลา : 10:30:26

03-10-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 3, 2025, 5:51 am