(221).jpg)
ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (9 ต.ค.68) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 97.9 ดอลลาร์ หรือ 2.41% ปิดที่ 3,972.6 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากมีรายงานว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.63% ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาที่แพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงในวันพฤหัสบดี โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลอิสราเอลจะปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์ราว 2,000 คน ซึ่งรวมถึงเยาวชนและนักรบชาวปาเลสไตน์ ขณะที่ฮามาสจะส่งตัวประกันชาวอิสราเอลที่ยังมีชีวิต 20 ราย และส่งมอบร่างของตัวประกันที่เสียชีวิตอีก 28 รายกลับคืนสู่อิสราเอล
นอกจากนี้ ตามข้อตกลงในระยะที่หนึ่ง อิสราเอลจะถอนกำลังทหารออกจากเมืองกาซา เมืองราฟาห์ และเมืองข่านยูนิส รวมทั้งจะมีการเปิดด่านชายแดน 5 แห่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา และอิสราเอลจะยุติปฏิบัติการโดรนในกาซาในระหว่างกระบวนการปล่อยตัวประกัน
ไท่ หว่อง นักค้าโลหะอิสระ กล่าวว่า นักเก็งกำไรได้เทขายสัญญาทองคำ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีผลบังคับใช้ และทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคแห่งนี้มีความผันผวนน้อยลง อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าราคาทองคำจะยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางเดินหน้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองเพื่อกระจายความเสี่ยง
สัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,070.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด การเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ โดยสภาทองคำโลกเปิดเผยว่า กองทุน ETF ทองมีกระแสเงินไหลเข้ามากถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และเฉพาะเดือนก.ย.เพียงเดือนเดียวมีเม็ดเงินไหลเข้ามากถึง 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าการเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แม้กรรมการหลายคนเน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็ตาม
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 94.6% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.
ข่าวเด่น