ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (14 ต. ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 46,270.46 จุด เพิ่มขึ้น 202.88 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,644.31 จุด ลดลง 10.41 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,521.70 จุด ลดลง 172.91 จุด หรือ -0.76% โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาส 3 ของธนาคารรายใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด แม้การซื้อขายจะเป็นไปอย่างผันผวน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการแสดงความเห็นล่าสุดของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
โดยหุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งขึ้น 1.72% ตามด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 1.17% ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุด 1.6%
หุ้นธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เหนือความคาดหมาย JPMorgan Chase เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากดอกเบี้ยปีงบประมาณ 2568 ขณะที่ Wells Fargo, Citigroup และ Goldman Sachs ต่างก็รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกัน
หุ้น Wells Fargo พุ่งขึ้นถึง 7.15% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ส่วนหุ้น Citigroup เพิ่มขึ้น 3.8% ขณะที่หุ้น JPMorgan ลดลง 1.9% และ Goldman Sachs ร่วงลง 2%
หุ้น Caterpillar พุ่งขึ้น 4.5% ปิดที่ 527.47 ดอลลาร์ หลัง JPMorgan ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นสู่ระดับ 650 ดอลลาร์ จากเดิม 505 ดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นดังกล่าวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของดัชนีดาวโจนส์
หุ้น Walmart พุ่งขึ้น 5% หลังประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ OpenAI เพื่อให้ลูกค้าและสมาชิก Sam's Club สามารถซื้อสินค้าโดยตรงผ่านแชตบอต ChatGPT ส่วนหุ้น BlackRock ปรับตัวขึ้นกว่า 3% หลังรายงานว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.46 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้หุ้นหลายตัวจะหนุนตลาด แต่บรรยากาศการซื้อขายยังคงผันผวนจากความกังวลเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ล่าสุด จีนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือสินค้าสหรัฐฯ ที่เข้าเทียบท่า เพื่อตอบโต้การเก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะเดียวกันจากฝั่งสหรัฐฯ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าสหรัฐฯ อาจพิจารณายุติการซื้อขายน้ำมันปรุงอาหารกับจีน หลังจีนปฏิเสธการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ
ความขัดแย้งทางการค้าดังกล่าวทวีความตึงเครียดตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% เพื่อตอบโต้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน
ด้าน เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวในที่ประชุมสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (NABE) เมืองฟิลาเดลเฟีย ว่า เฟดอาจใกล้สิ้นสุดกระบวนการลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว
พาวเวลยังกล่าวถึงภาวะตลาดแรงงานว่า แม้อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำจนถึงเดือนสิงหาคม แต่การจ้างงานใหม่เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการอพยพแรงงานและการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานที่ลดลง
ข่าวเด่น