ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (23 ต.ค.68) บวก 144.20 จุด ตลาดคลายความกังวล หลังทำเนียบขาวยืนยันทรัมป์พบสีจิ้นผิง


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (23 ต.ค.68) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,734.61 จุด เพิ่มขึ้น 144.20 จุด หรือ +0.31%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,738.44 จุด เพิ่มขึ้น 39.04 จุด หรือ +0.58% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,941.80 จุด เพิ่มขึ้น 201.40 จุด หรือ +0.89% หลังทำเนียบขาวยืนยันว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคำยืนยันดังกล่าวช่วยคลายความวิตกกังวล หลังจากตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีดีดตัวขึ้น หลังจากแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์จะออกเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียในวันนี้ (24 ต.ค.) และจะไปเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย โดย ปธน.ทรัมป์ จะพบกับปธน.สี จันผิง ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้

นักวิเคราะห์จาก Horizon Investments กล่าวว่า คำยืนยันของทำเนียบขาวช่วยคลายความกังวล หลังจากตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานข่าวล่าสุดที่ระบุว่า คณะบริหารของปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ ไปยังจีน โดยสินค้าเหล่านี้ครอบคลุมถึงแล็ปท็อปไปจนถึงเครื่องยนต์ไอพ่น เพื่อตอบโต้จีนที่ออกมาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายาก

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นับจนถึงขณะนี้มีบริษัทในดัชนี S&P500 ประมาณ 1 ใน 4 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 86% รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ส่วนในภาพรวมนั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P500 จะมีอัตราการเติบโตที่ 9.9% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ระดับ 8.8%

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.3% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1.27% ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.41% และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลง 0.07%
 
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Exxon Mobil พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้น Chevron บวก 0.6% หลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 5% จากข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ประกาศคว่ำบาตรบริษัทลูคอยล์ (Lukoil) และรอสเนฟต์ (Rosneft) สองบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน

หุ้น Honeywell ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 6.8% และหุ้น American Airlines พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากทั้งสองบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2568

หุ้น Dow ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ทะยานขึ้น 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่น้อยกว่าคาด โดยได้แรงหนุนจากแผนการลดต้นทุน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing) พุ่งขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า คณะบริหารของปธน.ทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าถือหุ้นในบริษัทเหล่านี้ เพื่อแลกกับเงินทุนจากรัฐบาลกลาง โดยหุ้น IonQ พุ่งขึ้น 7%, หุ้น D-Wave Quantum ทะยานขึ้น 13.8% และหุ้น Rigetti Computing พุ่งขึ้น 9.8%

หุ้น Tesla ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 2.3% โดยราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงในช่วงแรก ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิลดลง 37% ในไตรมาส 3/2568

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% เช่นกันในเดือนส.ค.

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ต.ค. 2568 เวลา : 11:32:27

24-10-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 24, 2025, 7:20 pm