ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 1–7 ธันวาคม 2568 ค่าเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 32.19 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าจะอยู่ในกรอบระหว่าง 31.85–32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดสะท้อนถึงภาวะชะลอตัว โดยตัวเลขยอดขายปลีก (Retail Sales) เดือนกันยายนขยายตัวเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน (MoM SA) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.4% หลังจากขยายตัว 0.6% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายปลีกในกลุ่มที่ใช้คำนวณ GDP (Control-Group Retail Sales) หดตัว 0.1% สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.3%
ในส่วนของดัชนีราคาผู้ผลิต (Headline PPI) เดือนกันยายน ขยายตัว 2.7% เมื่อเทียบรายปี เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่เมื่อเทียบรายเดือน ขยายตัว 0.3% อย่างไรก็ตาม หากหักหมวดอาหารสดและพลังงาน ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ชะลอตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาดทั้งในเชิงรายปีและรายเดือน
ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น โดยจอห์น วิลเลียมส์ หนึ่งในกรรมการ Fed เปิดโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการสื่อสารของคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และแมรี ดาลี ในช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้ความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมครั้งนี้ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 80%
สำหรับค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรวมปรับแข็งค่าขึ้นและทะลุระดับต่ำกว่า 32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังนักลงทุนปรับเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed ท่ามกลางสัญญาณเชิงผ่อนคลายและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว นอกจากนี้เงินบาทยังได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรไทย
ข่าวเด่น